พ.ต.อ.ปจภณ ได้เปิดเผยว่า ที่มาแจ้งความวันนี้เพราะนายคีรีรัก ได้มาขอลงบันทึกประจำวันว่าถูกตนข่มขู่และบังคับให้เซ็นชื่อในสัญญาเงินกู้ โดยขู่ว่าถ้าไม่เซ็นจะให้นักข่าวมาทำข่าวและจะไม่รับรองความปลอดภัยของครอบครัว ทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียง ตนยืนยันว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวนั้นไม่เป็นความจริง ก่อนหน้านี้แฟนของนายคีรีรัก แจ้งว่านายคีรีรัก มีโปรเจคการแสดง ลิเก 3 โปรเจค โดยเฉพาะโปรเจคลิเกออนทีวีรายการ "มิตรชัยโชว์" ใช้งบประมาณ 25 ล้านบาท ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง ขอให้ช่วยระดมทุน โดยมีกำหนดใช้คืนในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
นายคีรีรักยังได้อ้างว่าจะได้รับเงินจากสปอนเซอร์ต่างๆ และยังมีการนำเอกสารมาสร้างความน่าเชื่อถือบอกจะให้ผลตอบแทนภายหลังจากจบโปรเจคนี้ ก่อนหน้านี้ตนกับภรรยายังเคยทำธุรกิจกับแฟนของนายคีรีรักมานานกว่า 10 แล้วก็ไม่เคยมีปัญหา จนเมื่อวันที่ 3 ส.ค. ที่ผ่านมาได้รับการประสานจากคนกลางเป็นผู้ใหญ่ที่นายคีรีรักให้มาเจรจาที่ร้านอาหาร ย่านถนนวิภาวดีรังสิต จึงได้เดินทางไปพร้อมกับภรรยาส่วนแฟนของนายคีรีรักก็มาพร้อมผู้ใหญ่ โดยการเจรจากัน ตนได้นำเอกสารหลักฐานต่างๆ มายืนยัน ซึ่งนายคีรีรัก ก็ยอมรับผิดต่อหน้าทุกคน และบอกว่ายินยอมจะชดใช้เงินคืน โดยฝ่ายผู้ใหญ่ที่ร่วมเจรจา จึงขอให้มีการทำหนังสือสัญญากู้ มีผู้จัดการศิลปินลงชื่อเป็นพยาน แต่เนื่องจากเงินมีจำนวนมาก และมีผู้ได้รับไปหลายคน จึงต้องการให้คนเหล่านั้นร่วมลงชื่อด้วย อีกทั้งสัญญาไม่ได้ระบุรายละเอียดการชำระเงินคืน ก็อยากขอร้องผู้ใหญ่ที่เป็นกลางให้นัดหมายอีกครั้ง วันที่ 6 ส.ค. ก็ได้มีการเจรจาที่้ร้านอาหารเดิม นายคีรีรักให้ข้าราชการผู้ใหญ่และผู้จัดการศิลปินผู้เชี่ยวชาญข้อกฎหมาย มาให้คำแนะนำ ส่วนตนกับภรรยา มาพร้อมทนาย และเจ้าหนี้ที่ร่วมนำเงินมาร่วมลงทุน ซึ่งนายคีรีรัก ยอมรับผิดเช่นเดิมและยินยอมจะชดใช้หนี้ 35.5 ล้านบาท จึงลงนามในสัญญายอมรับสภาพหนี้ กำหนดชำระคืนเป็นงวดๆ ดังนั้นการเซ็นยอมรับสภาพนี้ดังกล่าวไม่ได้มีการข่มขู่ นายคีรีรัก ทำด้วยความเต็มใจ และมีพยานที่ลงนามไว้ โดยเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดไม่ใช่ปัญหาที่เกิดจากเรื่องความสัมพันธ์เชิงชู้สาวแต่อย่างใด