‘ก่อนอื่น อาตมาขอตั้งข้อสงสัยส่วนตัวก่อนว่า ทำไมวันแม่ทีหนึ่ง ต้องมีรูปพระที่ไปทำท่าทำทางกราบเท้าแม่ตัวเองออกมาโชว์ผ่านเฟซบุ๊กเพื่อให้ต้องได้ดราม่ากันทุกปีเลย นี่ไม่เข้าใจจริงจริง การกราบเท้าแม่นี่มันจะช่วยให้พระรูปนั้นดูเป็นพระลูกชายที่ดีขึ้นมาหรืออย่างไร เรื่องวัฒนธรรมการกราบเท้าในวันแม่ เพื่อจะสื่อถึงคุณธรรมคือความกตัญญูกตเวทีของคนที่เป็นลูกนั้นเป็นอะไรที่มายาที่สุด ยิ่งเป็นพระด้วยแล้ว ไม่ควรมองอะไรแค่เรื่องของรูปแบบเช่นนี้ อย่าลืมว่า นับแต่วันที่พระหันหลังให้บ้านเพื่อมุ่งหน้าเข้าโบสถ์ มาเปล่งคำขอถึงพระไตรรัตน์เป็นสรณะเป็นที่พึ่ง มาขอให้บรรพชาอุปสมบทในท่ามกลางหมู่สงฆ์ พระถือเป็นบุตรของพระสมณะผู้โคดม เป็นเชื้อสายของพระศากยะ ไม่ใช่ลูกของยายคนนี้นางคนนั้นที่นึกจะทำอะไรอย่างไรก็ได้อีกต่อไป
คนโบราณเขาจึงถือกันว่า ก่อนจะบวชลูกบวชหลาน หรือมอบลูกมอบหลานให้กับพระศาสนา เขาจะให้ลูกให้หลานล้างเท้าให้ตนเองก่อน มีการให้ขอขมาลาโทษต่อกัน เพื่อไม่ให้มีอะไรเป็นโทษที่ติดค้างกันอีก เพราะหลังจากบวชแล้ว จะทำเช่นนี้ไม่ได้ พระจะอ้างความเป็นลูก มากราบเท้าพ่อเท้าแม่ ทั้งที่อยู่ในสมณะเพศไม่ได้ พระซึ่งเปลี่ยนจากลูกชาวบ้านมาเป็นคนวัดเพื่อฝึกหัดตนเอง ไม่มีโทษมีความผิดอะไรที่จะต้องมากราบเท้าเพื่อขอขมาพ่อแม่แล้ว ที่น่าสังเกตก็คือว่า อย่าว่าแต่เรื่องของการกราบเท้าเลย แม้แต่การกล่าวสอนหรือตักเตือน พ่อแม่ก็จะไม่ทำกับลูกชายที่อยู่ในเพศของนักบวชแล้ว เป็นเรื่องที่พระลูกชายจะต้องศึกษาในขณะที่บวชด้วยตนเอง
นี่พระไม่เข้าใจตรงนี้ ไม่เข้าสถานะตัวเอง คนสมัยก่อนพอลูกบวชพระเสร็จแล้ว ยังไม่ทันจะก้าวออกจากประตูโบสถ์เลย เขาก้มกราบเท้าลูกตัวเองตรงนั้นทันที เพราะเขาถือว่า พระที่อยู่ตรงหน้าคือหน่อเนื้อเชื้อสายของพระพุทธเจ้า เป็นผู้มีศีลมีคุณมากกว่าพวกเขา ที่เป็นเพียงชาวบ้าน พูดก็พูดเถอะ คนเป็นพ่อเป็นแม่ที่เขาเอาลูกตัวเองมาบวช เขาคาดหวังให้พระลูกชายของเขาประพฤติปฏิบัติตัวให้ดีงาม เพื่อที่เขาจะกราบไหว้ได้อย่างสนิทใจ เท่านั้นเอง ไม่ได้มาคาดหวังเพื่อให้ยังต้องมากราบเท้าตัวเอง ทั้งๆ ที่ยังห่มผ้าเหลืองอยู่แบบนี้ มันน่าละอายไหมหละ ถ้าอย่างนั้นจะอุตส่าห์เอามาบวชเพื่อหวังเกาะชายผ้าเหลืองกันทำไม
ขอต่ออีกนิด เรื่องการอ้างเรื่องความเป็นพระอรหันต์ของพ่อแม่ แล้วบอกว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้พระสามารถกราบไหว้พ่อแม่ตนเองได้ นี่ฟังไม่ขึ้นเลย และแสดงให้เห็นได้ชัดว่า คนที่อ้างไม่เข้าใจความหมายของคำๆนี้อย่างแท้จริง ที่พุทธศาสนาบอกว่า มารดาบิดา เป็นพระอรหันต์ของลูก นั่นก็เพราะว่า ท่านถือว่า มารดาบิดมามีคุณ คือให้ความเมตตากรุณาต่อลูกอย่างเดียว ไม่มีความความคิดร้าย เหมือนดังหัวใจของพระอรหันต์ที่ไม่ถือโทษต่อผู้อื่น แม้ว่าจะทำความผิดต่อตนเอง
นี่ท่านเปรียบแบบนี้ ไม่ได้หมายความว่า พ่อแม่คือพระอรหันต์จริงๆ ท่านเห็นว่าพ่อแม่มีคุณบางประการที่เหมือนกับพระอรหันต์ คและคุณข้อนี้บางทีก็ใช่ว่าจะมีในพ่อแม่ทุกคน ถึงยังจะขืนอ้างเอาให้ได้ ก็อยากจะเสริมว่า ขนาดถึงเป็นพระอรหันต์จริงๆ ท่านยังไม่กราบกันมั่วเลย พระอรหันต์ถึงบรรลุธรรมก็ต้องให้ความเคารพยำเกรงในหมู่สงฆ์ ต้องถือลำดับตามวัสสการ ยอมกราบไหว้พระปถุชนผู้แก่กกว่า แม้ว่า มีคุณน้อยกว่าตน
ดังนั้นที่ขอความเห็นกันมาเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงอยากจะบอกไม่ถูกไม่ควรโดยประการทั้งปวง มันมีแค่การกราบเท้าหรือไง ถึงจะเป็นลูกกตัญญูให้คนชื่นชมได้เนี๊ยะ การทำหน้าที่อย่างอื่น มันกตัญญูไม่ได้ใช่ไหม หรือมันเห็นไม่ชัด ไม่ชวนให้น้ำหูน้ำตาไหลเหมือนภาพของการก้มกราบเท้าแม่ตัวเอง
ในคำสอนทางศาสนาท่านก็พูดถึงหน้าที่และบทบาทที่พระลูกชายสามารถทำต่อพ่อแม่ของตนเองได้อย่างที่ไปพ้นจากเรื่องของรูปแบบกราบกราบไหว้ไหว้พุทธองค์ท่านประทานช่องไว้ตั้งเยอะแยะทั้งการให้อามิสสิ่งของ ให้บิณฑบาตที่ตนยังไม่ฉันกับพ่อแม่ได้ โดยไม่ถือเป็นความผิด อนุญาตให้ปรนบัติดูแล พ่อแม่ที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ อนุญาตให้เอามาดูแลถึงในวัดก็ยังได้ นี่เรื่องพวกนี้ต่างหากที่พระควรทำ และทำแล้วน่าสรรเสริญ เพราะเป็นการทำหน้าที่เมื่อจำเป็นจริงๆ เมื่อพ่อแม่ท่านต้องการความช่วยเหลือ เรื่องการกราบเท้าล้างเท้าอะไรนี่มันของฉาบฉวย เพียงชั่วครู่ ขอเจ้ากูอย่าไปตามก้มชาวบ้านกันนักเลย ควรจะเป็บแบบอย่างที่ถูกต้อง กันได้แล้ว'