สธ.ชี้ 2 ประเภท ชาวเซ็กซ์โฟน

"ปดส." ออกหมายจับอีก 1 ผู้ต้องหาคดีเซ็กซ์โฟน สั่งขยายผลจับกุมเจ้าของบริษัทตัวจริงที่อยู่เบื้องหลัง

เผยผู้ให้บริการรายอื่นชิงปิดตัวไปตามกัน "ทีโอที"

แจงวุ่นไม่รู้เรื่องเพราะบริษัทลักลอกทำ สธ.เผยคนที่ชอบเซ็กซ์โฟนมี 2 กลุ่ม พวกจิตปกติกับคนป่วยทางจิตที่ชอบโทร.ป่วนตามบ้าน เรียกว่าโรคพาราฟิเลีย ต้องรีบเข้ารับการบำบัด

จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจปดส.

นำกำลังเข้าทลายบริการเซ็กซ์โฟน บริษัทไม่มีชื่อ เลขที่ 252/16 ชั้น 12 อาคารเมืองไทยภัทรคอมเพล็กซ์ ทาวเวอร์ เลขที่ 1 ถนนรัชดาภิเษก แขวงและเขตห้วยขวาง กทม. ภายหลังได้รับร้องเรียนจากมูลนิธิกระจกเงา ว่ามีการโฆษณาให้บริการสายด่วนเบอร์เดียวไม่มีเหงาตลอด 24 ชั่วโมง

ที่เบอร์ 1900-555-566คิดค่าบริการนาทีละ 13 บาท

และมีการโฆษณาผ่านทางสื่อสิ่งพิมพ์หลายฉบับ โดยจับกุมผู้ต้องหา 2 คน คือ นายณัฐพล หรือ เบิ้ม เกตุโกมล อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25/3 หมู่ 4 ต.บางสวรรค์ อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี แสดงตัวเป็นหัวหน้างานผู้ดูแล และนายเอกอนันต์ สิงห์จำนงค์ อายุ 52 ปี ผู้จัดการบริษัท พร้อมสาวให้บริการทางเสียง 14 คน เบื้องต้นผู้ต้องหายังปฏิเสธ ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ที่บก.ปดส. พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ ผบก.ปดส.

กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้งสองยังให้การปฏิเสธและขอประกันตัวออกไป โดยวางหลักทรัพย์เป็นเงินสด 1.5 แสนบาท จากการพิจารณาแล้วอนุญาตซึ่งเป็นไปตามสิทธิ์ของผู้ต้องหา ส่วนกลุ่มหญิงสาวที่คอยให้บริการนั้น พนักงานสอบสวนกันตัวทั้งหมดไว้เป็นพยานจะได้ขยายผลการจับกุมไปยังเจ้าของบริษัทตัวจริงที่อยู่เบื้องหลัง ขณะนี้พอที่จะทราบแล้วว่าเป็นใคร อยู่ในขั้นตอนรวบรวมหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับกุมต่อไป

พล.ต.ต.วิมล กล่าวว่า ผู้ต้องหาอีกคนที่ถูกออกหมายจับแล้ว

คือ นายวิภาค เกตุโกมล อายุ 26 ปี ซึ่งหลบหนีไปได้ สั่งการให้ร.ต.อ.พัฒนชัย ภมรพิบูลย์ รองสว.กก.1 บก.ปดส.ออกติดตามตัวมาดำเนินคดีแล้ว ส่วนเรื่องการขยายผลจับกุมไปยังบริษัทอื่นๆ ที่เปิดให้บริการในลักษณะเดียวกันนั้น ทราบว่าบริษัททั้งหมดต่างรีบปิดบริการไปก่อนแล้ว ภายหลังมีข่าวการจับกุม นอกจากนี้ ยังทราบว่าทางบริษัท ทีโอที ยังสั่งระงับการให้บริการกับบริษัทที่ทำธุรกิจแบบนี้อีกด้วย

พล.ต.ต.วิมล กล่าวเพิ่มว่า ผู้ต้องหาในคดีนี้ถูกดำเนินคดีในข้อหา

เพื่อประสงค์แห่งการค้า เผยแพร่สิ่งอื่นใดอันลามก ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 287 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท และเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไป พาไป เพื่อให้บุคคลอื่นกระทำการค้าประเวณีตามพ.ร.บ.ป้องกันปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 มาตรา 9 ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท

เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารผลประโยชน์ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน)

เปิดเผยว่า เร่งประสานฝ่ายสัญญาของทีโอทีเพื่อเสนอผู้บริหารให้ยกเลิกสัญญาให้บริการข้อมูลด้วยเสียงทางโทรศัพท์ของบริษัทไทยเทเลวอยซ์ ที่ลักลอบให้บริการเซ็กซ์โฟนผ่านหมายเลข 1900-555-556 และถูกตำรวจบุกจับกุมได้ หากคดีถูกตัดสินว่าบริษัทมีความผิดจริง

เนื่องจากบริการลักษณะนี้ผิดหลักเกณฑ์

การให้บริการที่ระบุในสัญญาที่ห้ามบริการข้อมูลที่ผิดศีลธรรม คำหยาบคายและไม่เหมาะสม แต่ยอมรับว่าการตรวจสอบของทีโอทีอาจไม่ทั่วถึง เนื่องจากมีผู้ดำเนินธุรกิจนี้ถึง 13 ราย และมี 6-7 รายที่เปิดบริการแช็ต

เจ้าหน้าที่ทีโอที กล่าวต่อว่า

แต่ละวันจะมีเอกสารเข้ามายังทีโอที เพื่อขอเปลี่ยนรูปแบบข้อมูลทุกวัน วันละหลายฉบับ ซึ่งทางทีโอที มีระบบตรวจสอบก่อนอนุญาต แต่อาจมีบางรายที่ลักลอบบริการที่นอกเหนือการอนุญาต ซึ่งถือว่าเสียชื่อเสียงและกระทบต่อธุรกิจรายอื่นๆ

เช่นบริการสอนภาษาทางโทรศัพท์

ตรวจสลากออมสิน และดูดวง เป็นต้น ส่วนรายที่ตำรวจบุกจับได้นั้น มูลนิธิกระจกเงาเคยระบุว่าเป็นบริการที่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เด็กหายออกจากบ้าน ซึ่งกระทรวงไอซีทีมีคำสั่งหยุดบริการแช็ตไลน์ชนิดที่เข้ามาโทร.คุยกันได้หลายคน หรือวัน ทู แมนี (One to many) ไปแล้ว เหลือเพียงบริการสนทนากับโอเปอเรเตอร์แบบหนึ่งต่อหนึ่งเท่านั้น

วันเดียวกัน นายเอกลักษณ์ หลุ่มชมแข

หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหายเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ มูลนิธิกระจกเงา ออกแถลงการณ์เรื่อง "ประณามรัฐ วิสาหกิจล้าหลัง...หากินจากน้ำกาม" ว่า ปดส.บุกทลายบริษัทบริการเซ็กซ์โฟน พบว่าเป็นบริษัทผู้ให้บริการออดิโอเท็กซ์ประเภทแช็ตไลน์ มุ่งเน้นบริการเรื่องเซ็กซ์โฟนมากกว่าการพูดคุยทั่วไป ถือว่าการให้บริการดังกล่าวเป็นการค้าประเวณีทางเสียงที่

เข้าองค์ประกอบความผิดพ.ร.บ.

ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 มาตรา 9 ต้องได้รับโทษ ส่วนการใช้ถ้อยคำหยาบคายที่มีการสื่อถึงเรื่องเพศ หรือการมีเพศสัมพันธ์เข้าข่ายเป็นสื่อลามกอนาจาร ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287 (1) ที่ระบุชัดเจนโดยเฉพาะเพื่อการค้าหรือแพร่หลายด้วยเอกสาร ภาพเขียนภาพพิมพ์ ภาพระบายสี สิ่งพิมพ์ รูปภาพ ภาพโฆษณา เครื่องหมาย รูปถ่ายภาพยนตร์ แถบบันทึก เสียง แถบบันทึกภาพหรือสิ่งอื่นใดอันลามก

"บริษัทผู้ให้บริการออดิโอเท็กซ์ประเภทแช็ตไลน์

ได้รับสัมปทานจากบริษัท ทีโอที ที่เป็นรัฐวิสาหกิจใต้การกำกับดูแลโดยตรงของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร แสดงให้เห็นชัดเจนว่า บริษัทรัฐวิสาหกิจนั้นไม่ใส่ใจและเพิกเฉยต่อผลกระทบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคม และจากพฤติกรรมซ้ำซากของบริษัท ทีโอที

แสดงให้เห็นว่าบริษัทสมคบกับบริษัทผู้ให้บริการออดิโอเท็กซ์

ประเภทแช็ตไลน์ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ เราเคยยื่นคำร้องเรื่องนี้กับบริษัท ทีโอที ซึ่งน่าจะทราบเรื่องการผิดสัญญาของบริษัทผู้ให้บริการออดิโอเท็กซ์ประเภทแช็ตไลน์ แต่กลับละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ บริษัท ทีโอที จึงเป็นผู้ต้องหารายแรกที่ควรดำเนินการ ศูนย์ข้อมูลคนหายฯ ขอประณามพฤติกรรมบริษัท ทีโอที ที่มุ่งแสวงหาผลประโยชน์โดยขาดจิตสำนึก และขอให้เลือกระหว่างจิตสำนึกการทำธุรกิจอันดีต่อสังคมกับผลประโยชน์จากน้ำกาม" นายเอกลักษณ์ กล่าว

น.พ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข

กล่าวถึงการให้บริการเซ็กซ์โฟนว่า ในเชิงจิตวิทยาสามารถแบ่งกลุ่มคนที่ใช้บริการเซ็กซ์โฟน เป็น 2 กลุ่ม คือ

1.มีจิตปกติ แต่ต้องการแรงกระตุ้นให้เกิดความต้องการทางเพศ เพราะเสียง เป็นสิ่งเร้าหนึ่งเหมือนกับภาพ ภาพเคลื่อนไหว การสัมผัส กลิ่น เพศชายจะถูกกระตุ้นอารมณ์ทางเพศได้ง่ายจากสิ่งเหล่านี้ และยังมีคนอีกกลุ่ม ที่ชอบเซ็กซ์โฟนแต่ไม่ซื้อบริการ กลับใช้วิธีโทรศัพท์ไปหาบุคคลที่ไม่รู้จักหรือโทร.สุ่มมั่ว

ถือว่าเข้าข่ายมีปัญหาทางสุขภาพจิต มีความผิดปกติทางเพศ จัดว่าเป็นโรคพาราฟิเลีย (Paraphilias) หรือกามวิปริต โดยเป็นประเภทเดียวกับบุคคลที่ชอบถ้ำมอง ถูไถ ขโมยกางเกงใน และพวกชอบความรุนแรงทางเพศ หรือซาดิสต์ คนกลุ่มนี้แม้จะมีเพศสัมพันธ์ปกติ แต่ไม่พึงพอใจ หรือบางรายไม่ต้องการการมีเพศสัมพันธ์แบบปกติ แต่ชอบเซ็กซ์โฟนเพราะตื่นเต้น เร้าใจกว่า

"ด้านคนให้บริการที่ทำเพื่อเงินเพียงอย่างเดียว

ไม่ถือว่าผิดปกติทางจิต ที่น่ากลัวและน่าเป็นห่วงคือเยาวชน ที่ทำเพราะสนใจ มีอารมณ์ร่วมไปตามบทสนทนา ซึ่งจะทำให้กลายเป็นคนเสพติดเรื่องเพศ และทำให้เกิดพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศตามมา ส่วนคนที่เข้าข่ายพาราฟิเลีย ถือว่าไม่เป็นอันตรายรุนแรง จนถึงขึ้นก่อคดีข่มขืน เพราะต้องการเพียงการกระตุ้นจากสิ่งเร้า และไม่ชอบการมีเพศสัมพันธ์ตามปกติ" น.พ.ทวีศิลป์ กล่าว

น.พ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สาเหตุของโรคพาราฟิเลีย

ไม่ทราบสาเหตุเช่นเดียวกับปัญหาสุขภาพจิตชนิดอื่น แต่สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน สารเคมีในสมอง รวมถึงการเรียนรู้หรือรับรู้เรื่องราวมาอย่างผิดๆ เช่น การนิยมมีเพศสัมพันธ์กับเด็ก อาจเป็นเพราะวัยเด็กเคยถูกกระทำมาก่อน เป็นต้น และสิ่งแวดล้อม สังคม สื่อ ที่เห็นเรื่องเหล่านี้เป็นประจำ

จนถือเป็นเรื่องปกติและกระทำได้ จึงกระทำบ่อยๆ

จนเกิดเป็นความชอบ และคนกลุ่มนี้มักไม่ยอมเข้ารับการรักษาเพราะคิดว่าเป็นเรื่องปกติ รู้สึกสนุกกับจินตนาการและมีแรงกระตุ้นให้อยากทำมากกว่าอยากเลิก ปัญหาอยู่ที่ผู้ป่วยไม่กล้าเข้ารับการรักษา เกรงการถูกบันทึกประวัติ สร้างความอับอาย ส่วนใหญ่จะขอคำแนะนำและปรึกษาผ่านทางโทรศัพท์และเว็บไซต์มากกว่า ซึ่งจิตแพทย์ไม่เจอตัวผู้ป่วยโดยตรง จึงทำได้เพียงให้คำแนะนำ ไม่สามารถให้การรักษาได้

น.พ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า

จากการศึกษาพบว่ากลุ่มที่เข้าข่ายทางจิต มีโอกาสดีขึ้นได้ หากเต็มใจจะเข้ารับการรักษา เพราะอาการทางจิตต้องใช้วิธีจิต บำบัด ซึ่งจะใช้เวลานานจึงต้องอาศัยความร่วมมือและสมัครใจจากคนไข้ ทั้งนี้ ในกรณีการรักษาอาการทางจิตที่เกี่ยวกับเรื่องเพศ

อาจต้องใช้วิธีฉีดฮอร์โมน หรือฉีดยาคุมกำเนิด

ทำให้ความต้องการทางเพศลดลง หรือใช้มาตรการทางสังคม เป็นการปรามไม่ให้กระทำจนติดเป็นพฤติกรรมที่ปกติ เช่น การลงโทษทางสังคม เพราะการกระทำดังกล่าวบางกรณี เช่น การโทรศัพท์ การถูไถ เข้าข่ายคุกคามความสงบสุขของเพศตรงข้าม หรือเป็นความผิดตามกฎหมาย

น.พ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า บางประเทศในประเทศที่พัฒนาแล้ว

เซ็กซ์โฟนถือเป็นอาชีพหนึ่งและถือเป็นเรื่องปกติ เพื่อเป็นทางออกแก่คนที่มีปัญหาทางเพศ แต่ทั้งนี้ ที่สามารถทำได้ เพราะประชากรมีวุฒิภาวะมากพอ ในการที่จะแยกแยะ แต่ประเทศไทยไม่เหมาะสมที่จะเปิดเสรีเช่นนั้น เพราะไม่สามารถตรวจสอบผู้ใช้บริการได้ ส่วนมากเป็นเยาวชน ซึ่งถือเป็นช่วงที่ยังมีวุฒิภาวะทางอารมณ์ยังไม่ดีพอ

ไม่สามารถแยกแยะได้ระหว่างเรื่องจินตนาการกับเรื่องจริง

รวมไปถึงเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ช่วงก่อนอายุ 18 ปี ถือเป็นอีกเรื่องที่จะทำให้เกิดปัญหาขึ้น โดยขณะนี้บางประเทศ เช่น สหรัฐ มีการรณรงค์ไม่ให้มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร เนื่องจากผลวิจัยชี้ว่า วุฒิภาวะทางอารมณ์ไม่มากพอ ทำให้ขาดการยับยั้งชั่งใจ ซึ่งจะเกิดปัญหาสังคมตามมาภายหลัง

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด