โดย ศ.นพ.รัชตะ กล่าวว่า ตามที่ประเทศไทยพบผู้ป่วยยืนยันโรคเมอร์ส 1 ราย เป็นชายชาวโอมาน อายุ 75 ปี และมีผู้สัมผัสโรค 176 ราย ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข ได้ดำเนินมาตรการรักษาผู้ป่วย รวมทั้งการเฝ้าระวังผู้สัมผัสทั้งหมดนั้น ขณะนี้ผู้ป่วยชายชาวโอมานนั้น ถือว่าหายเป็นปกติ ผู้ป่วยไม่มีไข้มา 10 วัน หายใจได้เอง โดยไม่ต้องใช้ออกซิเจน ผลเอ็กซเรย์ปอดดีขึ้นมาก เดินได้เอง การตรวจเชื้อในลำคอไม่พบเชื้อให้ผลเป็นลบ 5 ครั้ง โดยตรวจเชื้อครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 1 ก.ค.
ส่วนญาติก็ไม่พบอาการไข้ ไอ และตรวจไม่พบเชื้อเช่นเดียวกัน สำหรับผู้สัมผัส 176 ราย ไม่พบว่ามีอาการไข้ ไอ และตรวจไม่พบเชื้อเช่นเดียวกัน ขณะนี้ให้พ้นจากการเฝ้าระวังแล้วทั้งหมด
"ขณะนี้ขอประกาศว่าประเทศไทยไม่มีการระบาดของโรคเมอร์ส และมีผู้ติดเชื้อเพียง 1 ราย ซึ่งผู้ป่วยพร้อมญาติทั้ง 3 ราย จะเดินทางกลับประเทศในวันนี้ สำหรับมาตรการเฝ้าระวังของไทยยังคงดำเนินต่อไปตามแนวทางที่ได้กำหนดไว้ ให้โรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชนคัดกรองและรายงานเมื่อพบผู้ต้องสงสัย"ศ.นพ.รัชตะ กล่าว
ดร.ริชาร์ด บราวน์ กล่าวว่า ประเทศไทยสามารถโต้ตอบเหตุการณ์ในครั้งนี้ได้อย่างดี ตั้งแต่การรักษา และการติดตามผู้สัมผัสทั้งหมดจนครบ 14 วัน รวมทั้งการให้ความรู้ประชาชนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมาตรการเฝ้าระวังยังคงเป็นสิ่งจำเป็น สำหรับประเทศไทยนั้น พบผู้ป่วยเพียง 1 ราย ไม่ถือว่ามีการระบาด เมื่อไม่พบผู้ป่วยเพิ่มและผู้ป่วยรายแรกหายจากโรคแล้ว จึงถือว่าประเทศไทยปลอดจากโรคเมอร์ส ไม่ต้องใช้เกณฑ์การเฝ้าระวังผู้ป่วยให้ครบ 28 วันจึงจะสามารถประกาศได้
ด้าน พญ.จริยา แสงสัจจา ผู้อำนวยการสถาบันบำราศนราดูร กล่าวว่า สำหรับการเดินทางกลับของผู้ป่วย มีการตรวจร่างกายและออกใบรับรองตามมาตรฐานทางการแพทย์ให้ รับรองว่าสามารถเดินทางโดยเครื่องบินได้ อย่างไรก็ตาม การตรวจหาเชื้อได้ตรวจหาในระดับของเลือดด้วย ซึ่งก็พบพบเชื้อ ผู้ป่วยถือว่าหายเป็นปกติ ไม่จำเป็นต้องมีมาตราการอะไรพิเศษ แต่เพื่อความปลอดภัย สายการบินก็จะมีการจัดที่นั่งไม่ให้รวมกับผู้เดินทางตามปกติ
"สำหรับการดูแลผู้ป่วยจนหายได้นั้น เนื่องจากโรคดังกล่าวไม่มียาต้านไวรัส การรักษาได้ทำแบบประคับประคอง ให้ออกซิเจน ให้ยาฆ่าเชื้อตามมาตรฐานเพื่อรักษาปอดเพื่อให้ร่างกายสามารถสร้างภูมิต้านทานมาต่อสู้กับเชื้อได้ พร้อมกันนั้นแพทย์จากสถาบันทรวงอก กระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมวางแผนการรักษาโรคหัวใจ ซึ่งเป็นโรคประจำตัวไปพร้อมๆกัน ทำให้ผู้ป่วยพ้นจากภาวะวิกฤตได้ในที่สุด" พญ.จริยา กล่าว
นายอับดุลเลาะห์ กล่าวว่า ขอขอบคุณประเทศไทยที่ให้การดูแลรักษาผู้ป่วยอย่างดี ตั้งแต่ที่โรงพยาบาลเอกชน จนกระทั่งมีการส่งต่อรักษาจนหายได้เป็นอย่างดี จนสามารถเดินทางกลับประเทศได้ในเย็นวันนี้
นพ.ประเสริฐ กล่าวว่า ที่ผ่านมา มีการซักซ้อมระบบจนเป็นระบบที่ดี ทำให้วันนี้พูดได้ว่าเราปลอดผู้ป่วยโรคเมอร์สแล้ว การจะให้ผู้ป่วยและญาติกลับบ้านได้เมื่อไหร่ ไม่มีคำตอบในตำรา แต่ตกลงกันว่า หลัง 14 วัน ไม่มีไข้ ไม่มีเชื้อแล้ว หากร่างกายแข็งแรงก็สามารถกลับบ้านได้ ส่วนญาติ 3 คนก็ตรวจตลอด ไม่พบเชื้อ ทั้งหมดประสงค์จะกลับบ้านเลยอนุญาต เพราะเข้าใจดีว่า คนดีๆ ถูกกักตัว 14 วันห้ามเยี่ยม ย่อมมีความเครียด เลยอนุญาตให้กลับบ้านได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.40 น. ผู้ป่วยชายชาวโอมาน พร้อมญาติ ได้เดินทางออกจากสถาบันบำราศนราดูร โดยรถจากทางสถาทูตโอมาน โดยผู้ป่วยและญาติได้สวมหน้ากากอนามัย และสวมชุดโต๊ป