สืบเนื่องจาก เมื่อเดือนมกราคม 2555 นางปิยพร ขุนนุ้ย ผู้ต้องขัง มีเรื่องทะเลาะกับพ่อค้าขายมะพร้าวขูด ซึ่งมีแผงขายอยู่ใกล้กัน ซึ่งเป็นชายฉกรรจ์ จำนวน 5 คนรุมทำร้าย จนได้รับบาดเจ็บ และขณะชุลมุนนางปิยพรได้ถือมีดพร้าอยู่ในมือ และได้เหวี่ยงไปถูกหน้าอีกฝ่าย จึงถูกรุมหนักขึ้น และหลังเกิดเหตุต่างฝ่ายต่างก็แจ้งความข้อหาว่าถูกอีกฝ่ายทำร้ายร่างกาย โดยที่อีกฝ่ายแจ้งความว่าผู้ต้องขัง คือ นางปิยพร พยายามฆ่าพวกเขา และผู้ต้องขังก็มีการแจ้งความกลับไปว่า ถูกชาย 5 คนรุมทำร้ายร่างกาย และมีการสู้คดีกันกว่า 3 ปี โดยศาลชั้นต้นตัดสินนางปิยพร จำคุก 4 เดือน ปรับ 31,000 บาท ศาลอุทธรณ์ ลดโทษลง สั่งจำคุก 2 เดือน 20 วัน และสุดท้ายวันนี้ ศาลฎีกา ตัดสินจำคุกยืนตามศาลอุทธรณ์ ดังกล่าว
นายประจำ อายุ 48 ปี ผู้เป็นพ่อและสามี กล่าวว่า ตนยอมรับในคำตัดสินของศาล แต่รู้สึกข้องใจในสำนวนของพนักงานสอบสวนที่ขาดความรอบคอบ จนทำให้เมียของตนต้องติดคุก ตอนนี้ชีวิตครอบครัวตนและลูกๆทั้ง 4 คน ลำบากมาก หลังจากเกิดคดีนี้ ต้องเป็นหนี้เป็นสินกว่า 4 แสนบาท ตนอยากทราบว่า ความยุติธรรมมีอยู่จริงหรือไม่ เหตุผลที่ตนปล่อยให้เวลาเนิ่นนาน โดยไม่ออกมาเรียกร้องใดๆ เพราะตนและครอบครัวคิดว่า ไม่ผิด และเคยเชื่อมาตลอดว่าความยุติธรรมมีจริง อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้หน่วยงานใดก็ได้รื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่ เพื่อพยุงไว้ซึ่งความยุติธรรม
อย่างไรก็ตามหลังจากฟังคำพิพากษา เด็กๆ ทั้ง 4 คน และครอบครัวมีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์มีการนำป้ายผ้า พร้อมเขียนข้อความ ถามหาความยุติธรรม ไปยื่นหน้าศาลากลางจังหวัดตรัง โดยมีนายธีรวุธ เขียวดี นิติกร สำนักงานยุติธรรม จ.ตรัง นายวิโรจน์ ทองแก้ว ทนายความที่ปรึกษา สนง.ยุติธรรม มาสอบถามข้อเท็จจริง พร้อมเชิญไปหารือที่สำนักงานฯ
โดยนายธีรวุธ กล่าวว่า ตนต้องขอดูสำนวนคดีทั้งหมดก่อนว่าจะสามารถรื้อคดีได้หรือไม่ เนื่องจากคดีนี้ศาลฎีกาได้พิพากษาไปแล้วในทางคดีถือว่าสิ้นสุด แต่เบื้องต้นจะรับเรื่องไว้ก่อน