พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า จากกรณีมีผู้โพสต์ข่าวลือว่าจะมีการปฏิวัติซ้อนเผยแพร่ตามสื่อออนไลน์ จนสร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.จึงได้สั่งการให้ บก.ปอท.เร่งหาต้นตอและสืบสวนหาตัวผู้ที่กระทำผิด โดยได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารที่ทำงานด้านการข่าวสืบสวนสอบสวนจนทราบตัวผู้กระทำผิด คือ น.ส.ชญาภา ซึ่งเป็นผู้ที่โพสต์ข้อความเป็นคนแรกทางโซเชียลมีเดีย จึงได้ใช้อำนาจตามกฎอัยการศึกเข้าควบคุมตัวในเบื้องต้น โดยเจ้าหน้าที่ทหารได้นำตัวผู้ต้องหามาส่งให้กับตำรวจเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พร้อมขอขอนุมัติศาลทหารกรุงเทพออกหมายจับ น.ส.ชญาภา ด้วย
ทั้งนี้ อยากฝากเตือนไปยังประชาชนให้ใช้วิจารณญาณหากรับข้อความใดๆ ที่มีลักษณะหมิ่นเหม่ที่เข้าข่ายเป็นข้อความเท็จสร้างความเสียหายต่อผู้อื่น หรือสร้างความตระหนกตกใจ หรือกระทบต่อความมั่นคง หรือมีลักษณะลามกอนาจาร ก็ไม่ควรที่จะโพสต์ หรือ แชร์ต่อไป เพราะจะมีความผิดไปด้วย อย่างกรณีนี้ น.ส.ชญาภา อ้างว่ารับข้อความมาจากที่อื่นแล้วนำมาส่งต่อ ซึ่งก็ต้องตรวจสอบว่ามีการนำข้อความมาจากที่อื่นแล้วนำมาตัดต่อ หรือใส่รูปและข้อความเพิ่มเติมหรือไม่ อยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลจากคอมพิวเตอร์ที่ยึดมาตรวจสอบ
พล.ต.ต.ศิริพงษ์ กล่าวว่า จากการสืบสวนทางเทคนิคพบว่าผู้ที่โพสต์ข้อความดังกล่าวคนแรกทางโซเชียลมีเดีย คือ ผู้ใช้เฟซบุ๊ค ใช้ชื่อว่า "Chanisa B..." จากการตรวจสอบติดตามร่องรอยทราบว่าโพสต์มาจากบ้านเลขที่ 8/32 หมู่ 3 ต.บางเมือง อ.เมืองสมุทรปราการ ซึ่งเป็นบ้านพักของ น.ส.ชญาภา จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ทหารจากกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์เข้าทำการตรวจค้นบ้านพักของ น.ส.ชญาภา พร้อมยึดของกลาง คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ รวม 7 รายการ และควบคุมตัว น.ส.ชญาภา มาทำการสอบปากคำ ขณะเดียวกันพบว่านอกจากการโพสต์ข้อความปล่อยข่าวลือเรื่องปฏิวัติซ้อนแล้ว
นอกจากนี้ยังพบหลักฐานว่า น.ส.ชญาภา มีการโพสต์ข้อความที่พาดพิงสถาบันฯ ตำรวจจึงได้ขออนุมัติหมายจับจากศาลทหารกรุงเทพ ในข้อหาหมิ่นสถาบันเบื้องสูงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และข้อหานำเข้าข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการน่าจะทำให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่นและประชาชน หรือ เป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน หรือ ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร และเผยแพร่ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลอันเป็นเท็จ ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (1) และ (2)
ทั้งนี้ ในชั้นการสอบสวน น.ส.ชญาภา ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยยอมรับว่าเป็นผู้นำภาพการเคลื่อนย้ายรถถังที่เผยแพร่ในกลุ่มไลน์คนเสื้อแดง ซึ่งตนเป็นสมาชิกอยู่ มาอัพโหลดขึ้นเฟซบุ๊คของตน แล้วตบแต่งข้อความว่าจะมีปฏิวัติซ้อน
พล.ต.ต.ศิริพงษ์ อธิบายแผนผังที่นำมาประกอบการแถลงข่าว ว่า ตามผังที่แสดงให้สื่อมวลชน ผู้ต้องหารายนี้มีความเกี่ยวข้องกับบุคคลอื่นอีกหลายคน จากแผนผังความผิดได้แบ่งผู้กระทำผิดออกเป็น 3 ระดับได้แก่ ผู้บงการ หรือ ผู้ผลิตความคิด ระดับปฏิบัติการ คือ น.ส.ชญาภา และระดับล่างสุดผู้เสพความคิด เป็นแนวร่วม อาจมีการแชร์หรือส่งต่อ อย่างคดีเครือข่ายบรรพตก็มีลักษณะโครงสร้างแบบเดียวกัน
จากการตรวจสอบข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ที่ตรวจยึดได้ทราบว่า น.ส.ชญาภา ได้มีการติดต่อกับนายแจ็ค ซึ่งขณะนี้อยู่ในประเทศออสเตรเลีย โดยจากข้อมูลของตำรวจนายแจ็ค เป็นขบวนการเดียวกับ นายมนูญ หรือ เอนก ชัยชนะ หรือ "เอนก ซานฟราน" ผู้ต้องหาในคดีระเบิดศาลอาญา ถนนรัชดา และน.ส.โรส หรือ ฉัตรวดี อมรพัฒน์ ซึ่งทุกคนที่กล่าวมาถูก ปอท.ออกหมายจับแล้วทั้งหมด แต่ส่วนใหญ่อยู่ต่างประเทศ โดยที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้นิ่งนอนใจได้มีการประสานทุกช่องทางที่จะนำตัวผู้ต้องหาเหล่านี้กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย เพราะผู้ต้องหาเหล่านี้มีบทบาทสำคัญ เป็นผู้ผลิตความคิดมีอิทธิพลทางความคิดต่อเครือข่าย และแนวร่วม
ผู้สื่อข่าวถามถึงมูลเหตุจูงใจในการกระทำผิด รวมถึงมีการได้ค่าตอบแทนด้วยหรือไม่ พล.ต.ต.ศิริพงษ์ กล่าวว่า น.ส.ชญาภา ยังไม่ได้ให้ข้อมูลในส่วนนี้ คงต้องมีการสอบสวนต่อไป อย่างไรก็ตามแม้ตัวเขาจะไม่พูดแต่หลักฐานทางอิเล็กทรอนิกส์สามารถจะบอกได้
เมื่อถามว่าการกระทำผิดของผู้ต้องหารายนี้เชื่อมโยงกับกลุ่มการเมืองเก่าหรือไม่ พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า จากข้อมูลและหลักฐานที่มีอยู่ ไม่พบว่ามีความเชื่องโยงถึงกลุ่มการเมือง เป็นเพียงผู้ที่มีความเห็นต่างเท่านั้น
ด้านน.ส.ชญาภา กล่าวว่า ตนขอให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา หากย้อนกลับไปได้จะไม่ทำความผิด อยากฝากเตือนไปถึงผู้ที่คิดจะทำ หรือผู้ที่รับข้อความมา อยากให้คิดให้รอบคอบก่อนที่จะส่งต่อ ไม่อยากให้ทำโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือมองว่าเป็นเรื่องสนุก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังการแถลงข่าว น.ส.ชญาภา ซึ่งก่อนหน้านั้นเจ้าตัวมีทีท่าทีอิดโรย ถึงกับเป็นลม ไม่สามารถลุกเดินเองได้ เจ้าหน้าที่จึงได้ประสานรถพยาบาลจาก รพ.ตำรวจมารับตัวไปรักษาต่อไป