เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน นายสุธรรม โตทับเที่ยง พี่ใหญ่สกุล “โตทับเที่ยง”เปิดเผยว่า
ตนในฐานะตัวแทนของฝ่ายพี่น้อง 9 คน ของสกุล “โตทับเที่ยง” ไม่ให้ นายสุรินทร์ ใช้นามสกุล สาเหตุมาจากการที่ นายสุรินทร์ กระทำการเป็นปรปักษ์ต่อพี่น้องร่วมท้องสายโลหิต โดย นายสุรินทร์ ได้ปลดพี่น้องในตระกูลทุกคนออกจากการเป็นกรรมการของบริษัทกว้างโฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทกงสีของพี่น้องที่ถือหุ้นในบริษัทผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาล จำกัด (มหาชน) หรือที่รู้จักกันดีในนามปุ้มปุ้ย ซึ่งการปลดดังกล่าวเป็นการกระทำโดยมิชอบ เพราะนายสุรินทร์ ทำการปลอมรายงานการประชุมเพื่อแจ้งเท็จต่อนายทะเบียนพาณิชย์และแต่งตั้งบุตร ชายของตัวเอง คือ นายไกรสิน เป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนามกระทำการแทน ซึ่งเรื่องนี้ศาลได้ประทับรับฟ้องเป็นคดีทั้งทางแพ่งและทางอาญาไว้แล้ว
นายสุธรรมกล่าวต่อไปว่า หลังจากนายไกรสิน ลูกชายนายสุรินทร์ เข้ามาเป็นกรรมการบริษัทที่ถือหุ้นใหญ่ปุ้มปุ้ยแล้ว
นายสุรินทร์ได้สั่งปลดและเลิกจ้างพี่สาว, น้องสาว, น้องสะใภ้และหลานๆ ที่เป็นผู้บริหารเดิม รวมทั้งปรับเปลี่ยนลดตำแหน่งน้องสะใภ้และหลานอีกจำนวนหนึ่ง ตั้งนายไกรสินบุตรชายเข้าบริหารแทนทั้งหมด นอกจากนั้นแล้วนายไกรสินยังได้แก้ไขระเบียบข้อบังคับในเรื่องการกู้สหกรณ์ ออมทรัพย์กว้างไพศาล โดยกู้เงินสหกรณ์ไปให้บริษัทในเครือกู้จากนายไกรสินอีกต่อหนึ่ง และกำหนดให้บริษัทต้องคืนเงินกู้ภายใน 6 เดือน แต่นายไกรสินกลับกำหนดให้ตนเองคืนเงินสหกรณ์ภายใน 180 เดือนหรือ 15 ปีซึ่งทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย
“นอกจากนั้นแล้วในการประชุมผู้ถือหุ้น บริษัท กว้างโฮลดิ้งจำกัดทั้งนายสุรินทร์และบุตรชาย ยังได้แสดงพฤติกรรมก้าวร้าวต่อผู้ใหญ่ในตระกูลทั้งตนเองและพี่น้อง ถึงขนาดเอ่ยอ้างว่านามสกุลโตทับเที่ยงนั้นตนเป็นผู้ขอมาเอง ทำให้พี่น้องทุกคนรับไม่ได้กับพฤติกรรมดังกล่าว ซึ่งไม่แต่เท่านั้นในช่วงเวลาที่ผ่านมานางสุภัทรา สินสุข พี่สาวคนรองและเป็นผู้เลี้ยงดูนายสุรินทร์ได้เสียชีวิตลง นายสุรินทร์และครอบครัวกลับไม่เคยไปร่วมเคารพศพแม้แต่คืนเดียว แต่กลับนำรูปของนายสุรินทร์ไปวัดที่ไหนซักแห่งว่าไปบำเพ็ญกุศลให้นางสุภัท รา”
นายสุธรรมกล่าวต่อไปว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้พี่น้องทั้งหมดเห็นว่าครอบครัวนายสุรินทร์ขาด
ซึ่งความกตัญญู กระทำการทุจริตโดยไม่คำนึงถึงพี่น้องร่วมสายโลหิต และบุตรชายก็ก้าวร้าวไม่ให้ความเคารพผู้ใหญ่ในตระกูล และกำลังมีความพยายามที่จะกระทำการทุจริตอย่างเป็นขั้นตอน นอกจากในกงสีแล้ว ยังไปสู่มหาชนด้วย ซึ่งเรื่องนี้พี่น้องตระกูล “โตทับเที่ยง” รับไม่ได้ ตนและพี่น้องจึงไม่ให้นายสุรินทร์และครอบครัวใช้นามสกุล “โตทับเที่ยง” อีกต่อไป”นายสุธรรมกล่าว
และว่า นามสกุล “โตทับเที่ยง”ตนเป็นคนดำเนินการขอ รวมไปถึงธุรกิจของตระกูลที่รู้จักกันดีภายใต้แบรนด์ “ปุ้มปุ้ย”และอื่นๆตนก็เป็นคนเริ่มดำเนินการและทำงานอยู่เบื้องหลังมา ตั้งแต่เริ่มจนถึงทุกวันนี้ ขณะที่นายสุรินทร์นั้นทางพี่น้องมอบหมายให้ออกหน้าเป็นตัวแทนในการสร้าง สัมพันธ์อันดีออกสู่สาธารณะ แต่กลับมาทำเช่นนี้ตนเองรู้สึกเสียใจที่ตระกูล “โตทับเที่ยง” ต้องมาแปดเปื้อนจากน้องชายที่ตนเองส่งเสริมมาโดยตลอด ซึ่งจนถึงวันนี้เบื้องหลังเรื่องราวเหล่านี้คนตรังจะรู้ดีที่สุดว่าใครเป็น อย่างไร