เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 4 มิ.ย. ขณะที่ ร.ต.ต.จิรภัทร บุญนำ เข้าเวรทำหน้าที่พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี อยู่นั้น นายเจตรินท์ บุญมารอง อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 30/1 หมู่ 1 ต.บ้านแหลม อ.เมือง จ.สุโขทัย เดินทางเข้าแจ้งความว่าถูกชาวต่างชาติร่วมกับคนไทยหลอกให้โอนเงินผ่านบัญชีธนาคารจนต้องสูญเงินไปนับหมื่น
โดยนายเจตรินท์ ให้การว่า ปกติตนมีอาชีพเป็นพนักงานแคชเชียร์ของร้าน พีเอ็มคอฟฟี่ช็อป ย่านพัทยาใต้ เมื่อประมาณวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา ตนเข้าไปในเว็บไซต์หาคู่ของชาวสีม่วงแห่งหนึ่งทางอินเตอร์เน็ต จนรู้จักกับชายชาวต่างชาติซึ่งอ้างตัวว่าเป็นนักธุรกิจใหญ่ชื่อ นายริชาร์ด เอ็ดเวิร์ด (Mr.Richard Edward) อายุ 32 ปี สัญชาติอเมริกัน และใช้รูปถ่ายของชายต่างชาติหน้าตาหล่อเหลาแต่งตัวดีมีภูมิฐาน จากนั้นจึงแชทพูดคุยกันเรื่อยมาเกือบทุกวัน กระทั่งเจ้าตัวบอกว่าจะเดินทางมาหาที่ประเทศไทยเพื่อนำเงินมาลงทุนทำบาร์เกย์ที่เมืองพัทยา
จนเมื่อเวลาประมาณ 11.00 น.วานนี้ (3 มิ.ย.) นายริชาร์ด โทรศัพท์มาบอกว่า เดินทางมาถึงประเทศไทยแล้วและอยู่ที่สนามบินภูเก็ต แต่ถูกตำรวจตรวจคนเข้าเมืองของสนามบินจับตัวไว้ โดยอ้างว่าได้นำเงินสดติดตัวมาจำนวน 3 แสนดอลล่าห์ ซึ่งเกินกว่ากฎหมายกำหนด ทำให้ถูกปรับเป็นเงินไทยจำนวน 75,000 บาท และได้จ่ายไปแล้ว 50,000 บาท แต่ยังขาดอีก 25,000 บาท ก่อนที่นายริชาร์ด จะให้ตนคุยโทรศัพท์กับหญิงไทยที่อ้างตัวว่าเป็นตำรวจตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต ซึ่งหญิงคนดังกล่าวก็ยืนยันว่านายริชาร์ด ถูกจับจริง และบอกให้โอนเงินมาให้โดยด่วน พร้อมกับบอกเลขที่บัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาภูเก็ต ระบุชื่อบัญชีคือ น.ส.วันเพ็ญ สมีเพชร ตนหลงเชื่อจึงโอนไปให้จำนวน 25,000 บาท
นายเจตรินท์ ให้การอีกว่า แต่ภายหลังหญิงคนดังกล่าวโทรศัพท์กลับมาบอกว่าต้องโอนค่าดำเนินการไปให้อีก 7,000 บาท ไม่เช่นนั้นนายริชาร์ด จะไม่ได้รับการปล่อยตัว ตนเลยรีบหาเงินโอนไปให้ในทันทีเพื่อหวังว่าจะได้พบกับนายริชาร์ด ไวๆ โดยไม่คิดเอะใจอะไร กระทั่งเวลาผ่านไปหนุ่มในฝันยังไม่ติดต่อกลับมา ตนจึงโทรศัพท์ไปหาเป็นร้อยครั้งแต่กลับไม่มีคนรับสาย ตนเลยเข้าไปเช็คข้อมูลในเว็บไซต์ตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต และไปพบข้อความเตือนประชาชนเกี่ยวกับแก๊งหลอกลวงต้มตุ๋นให้โอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร ซึ่งวิธีการตุ๋นและพฤติกรรมคล้ายกับเหตุการณ์ที่ตนประสบพบเจอ ทำให้เชื่อว่าน่าจะถูกหลอกแล้ว จึงเดินทางเข้าแจ้งความกับตำรวจดังกล่าว
ภายหลังการสอบสวนจึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ภ.จว.ชลบุรี หรือ ศปอช. ซึ่งมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับคดีในลักษณะนี้ เพื่อทำการสอบปากคำผู้เสียหายอีกครั้ง พร้อมทั้งเก็บข้อมูลทั้งภาพถ่าย เบอร์โทรศัพท์ โดยเฉพาะชื่อเจ้าของบัญชีธนาคาร ซึ่งเบื้องต้นทราบแล้วว่าเป็นใครและมีภูมิลำเนาอยู่ที่ไหน ก่อนส่งชุดสืบสวนติดตามตัวมาสอบขยายผลเพื่อจับกุมผู้ร่วมขบวนการทั้งชาวไทยและต่างชาติต่อไป.