เตือนจร.อย่ามั่วออกใบสั่ง ข้อหาต้องเคลียร์ลดขัดแย้ง

"ผู้การจราจร" วางกฏเข้ม เตือนตร.จราจรอย่ามั่วเขียน "ใบสั่ง" ย้ำทุกข้อหาที่เขียนต้องตอบสังคมได้ หลังที่ผ่านมามีหลายข้อหากำกวม แล้วถูกไปประจานตามโลกโซเชียล

เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.2558 ที่กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) พล.ต.ต.อภิสิทธิ์ เมืองเกษม ผู้บังคับการตำรวจจราจร (ผบก.จร.)

พร้อมด้วยรองผู้บังคับการตำรวจจราจร ประชุมเพื่อมอบภารกิจหน้าที่และให้โอวาทแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้ามารับตำแหน่งในบก.จร. ตั้งแต่ระดับรองสารวัตรและผบ.หมู่ พล.ต.ต.อภิสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับตำรวจที่เข้ามารับหน้าที่ใหม่นั้น ตนต้องการให้ทุกคนทำงานด้วยความอดทน ตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาการจราจรในพื้นที่กรุงเทพฯอย่างที่แท้จริง ปฏิบัติหน้าที่อย่างมีระเบียบวินัย ไม่ทำตัวออกนอกลู่นอกทาง และศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานที่ตนเองสังกัด รวมทั้งของหน่วยอื่นๆ ด้วย โดยในการปฏิบัติหน้าที่นั้น จะต้องคิดอยู่เสมอว่า ตัวเองไม่ได้เป็นเพียงจราจรเท่านั้น แต่คือตำรวจ เพราะในการทำงานบางครั้ง อาจจะมีคนร้ายแอบแฝงเข้ามา หากทำงานโดยมุ่งหวังจับ-ปรับเพียงอย่างเดียว อาจจะก่อให้เกิดอันตรายกับชีวิตได้

พล.ต.ต.อภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้ามารับตำแหน่ง จะต้องศึกษากฎหมายพ.ร.บ.จราจรทางบก 2522 ให้เข้าใจ

 เพราะหากมีการออกใบสั่ง จะต้องสามารถตอบคำถามประชาชนได้ ว่าผิดข้อหาอะไร และข้อหาดังกล่าวจะส่งผลต่อการจราจรทำให้รถติดหรือเกิดอุบัติเหตุอย่างไร เพื่อลดความบาดหมางและความขัดแย้ง รวมทั้งจะต้องระมัดระวังในการออกใบสั่งและข้อกฎหมาย เนื่องจากปัจจุบันเมื่อมีการออกใบสั่งแล้ว หากประชาชนไม่เข้าใจจะมีการนำไปเผยแพร่บนเฟซบุ๊ก-ทวิตเตอร์ในทางที่ผิด และทำให้เกิดผลเสียมาถึงองค์กรด้วย ดังนั้นหากประชาชนมีข้อสงสัย ตำรวจจราจรจะต้องสามารถตอบประชาชนได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อัตรากำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร มีอยู่เพียงร้อยละ 60 เท่านั้น ซึ่งยังขาดกำลังพลอยู่ประมาณร้อยละ 40 แต่ก็ยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากกำลังพลที่ออกไป ก็มีคนใหม่เข้ามาทดแทน.