หลังจากที่มีการรายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศ ได้เผยแพร่หนังสือเลขที่ 239/2558 เรื่องการยกเลิกหนังสือเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทั้งหมด 2 เล่ม คือ หนังสือเดินทางเลขที่ U957441 และเลขที่ Z530117 ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 26 พฤษภาคม 2558
ซึ่งต่อมา พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกรัฐบาล กล่าวถึงกรณดังกล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้เป็นผู้ริเริ่มเสนอเรื่องไปที่กระทรวงการต่างประเทศ แต่เป็นเรื่องของ "ฝ่ายความมั่นคง" ที่เสนอเรื่องมา ซึ่งหากไม่ปฏิบัติตาม จะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่และมีความผิดทางวินัย
อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นเคยถูกยกเลิกหนังสือเดินทางในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ โดยกระทรวงการต่างประเทศ ได้ยกเลิกหนังสือเดินทางทูต (พาสปอร์ตเล่มสีแดง) เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2551 หลังจากพ.ต.ท.ทักษิณ ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินมีความผิดในคดีที่ดินรัชดาภิเษก ต้องจำคุก 2 ปี และคดีได้ถึงที่สุดแล้ว
นอกจากนี้ ยังเคยถูกยกเลิกหนังสือเดินทางบุคคลทั่วไป (พาสปอร์ตเล่มสีน้ำตาล) เมื่อวันที่ 12 เม.ย. 2552 โดยกระทรวงการต่างประเทศระบุเหตุผลการยกเลิกว่า "เพื่อไม่ต้องการให้มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่จะเป็นภัยต่อประเทศ"
ประเด็นสำคัญคือ ถึงแม้กระทรวงการต่างประเทศจะยกเลิกหนังสือเดินทางของพ.ต.ท.ทักษิณ แต่กลับไม่สามารถหยุดการเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณได้เนื่องจากพ.ต.ท.ทักษิณได้ถือหนังสือเดินทางของประเทศ "มอนเตเนโกร" จากการประมูลซื้อเกาะ "สเวตติ นิโคลา" (Sveti NiKola) ซึ่งมีมูลค่าสุงถึง 28 ล้านยูโร หรือประมาณ 1,288 ล้านบาท
และยังถือหนังสือเดินทางของประเทศ "นิการากัว" ในฐานะ "ทูตพิเศษนิการากัว" (special ambassador) เนื่องจากได้มีการลงทุนด้านโทรคมนาคมในประเทศนิการากัว พร้อมวางโครงสร้างคมนาคมขั้นพื้นฐานให้ประเทศ จนได้เป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจพิเศษของประธานาธิบดี และมีฐานะเป็น "พลเมืองกิตติมศักดิ์" พร้อมทั้งได้รับ "เอกสิทธิ์คุ้มกันทางการทูต" ของสาธารณรัฐนิการากัวด้วย
ทำให้กระแสข่าวตามมาว่า
ความจริงแล้วพ.ต.ท.ทักษิณนั้น ถือหนังสือเดินทางหลายประเทศด้วยกัน บางกระแสว่า 6 บางกระแสก็ว่ามีเป็น 10 ประเทศ!