ทั้งนี้ ตลอดระยะทาง 4 กม.ที่ขบวนสรีระสังขารเคลื่อนผ่านนั้น ประชาชนที่มาร่วมขอขมา และร่วมไว้อาลัยหลวงพ่อคูณ ได้มาจับจองพื้นที่ทั้ง 2 ฟากฝั่งถนนเพื่อร่วมไว้อาลัย โดยทุกคนล้วนต่างนำเอาผ้าเช็ดหน้า, ผ้าขนหนู, เสื้อ, หมวก, กระเป๋าสตางค์ หรือแม้กระทั่งบัตรประชาชนหรือบัตรข้าราชการ มาวางไว้ตลอดทั้งเส้นทางที่ขบวนรถเคลื่อนผ่าน โดยมีความเชื่อว่า จะเป็นสิริมงคลและได้รับอานิสงส์จากหลวงพ่อคูณ เป็นครั้งสุดท้าย โดยเส้นทางที่ใช้ในการเคลื่อนสรีระสังขารนั้น ได้ทำการปิดช่องทางการเดินรถ 1 ช่องทาง เพื่อให้ขบวนรถทั้ง 15 คัน รวมไปถึงเหล่าญาติธรรมได้กราบสรีระสังขารและร่วมไว้อาลัย เป็นครั้งสุดท้าย นอกจากนี้ ยังคงมีการจัดตั้งโรงทานและให้บริการน้ำดื่มแก่ประชาชนที่มาร่วมเดินในขบวนรวมไปถึงการถวายน้ำปานะให้กับพระภิกษุสงฆ์ด้วย
สำหรับเส้นทางที่ใช้ในการเคลื่อนย้ายสรีระสังขารนั้นกำลังทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครอง ได้ยืนตลอดทั้งเส้นทางเพื่ออำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ โดยเส้นทางที่ใช้นั้นเมื่อออกจากศูนย์ประชุมฯเลี้ยวซ้ายเข้า ถนนกัลปพฤกษ์ ผ่านหน้าศูนย์พิสูจน์หลักฐานตำรวจภูธรภาค 4 ก่อนจะเลี้ยวซ้ายผ่านหน้าวัดป่าอดุลยาราม เลี้ยวซ้ายอีกครั้งช่วงสี่แยกตัดผ่านระหว่าง ถนนกัลปพฤกษ์ตัด ถนนมิตรภาพ ผ่านศูนย์หัวใจสิริกิติ์และเลี้ยวซ้ายอีกครั้ง เข้า รพ.ศรีนครินทร์ ก่อนขบวนรถจะจอดด้านหน้า รพ.ศรีนครินทร์ เพื่อย้ายสรีระลงบนเปลเฉพาะกิจ ที่เตรียมไว้และนำสรีระสังขารขึ้นไปบนชั้น 7 อาคารเรียนรวม โดยในจุดดังกล่าว จะมีการประกอบพิธีขอขมาและการมอบสรีระสังขารหลวงพ่อคูณ แก่ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนของการอุทิศร่างกายเป็นครูใหญ่ให้กับนักศึกษาแพทย์ตามที่ระบุไว้ในพินัยกรรม