ลูกศิษย์รุ่นแรก ‘หลวงพ่อคูณ’ เปิดอัลบั้มโชว์ภาพเดินบิณฑบาต ไม่ขอพูดปมขัดแย้งขณะนี้!!

วันที่ 22 พ.ค. นายชาญชัย สุนทรวีระ อายุ 57 ปี นักธุรกิจชาวอำเภอด่านขุนทด จ.นครราชสีมา อดีตลูกศิษย์พระเทพวิทยาคม หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ รุ่นแรกๆ ได้นำอัลบั้มภาพถ่ายเหตุการณ์ พร้อมบอกเล่าเรื่องราวในอดีตที่เกี่ยวข้องกับหลวงพ่อคูณว่า ได้ปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อคูณ ช่วงปี 2527 เป็นเหตุการณ์หลังย้ายจำวัดจากวัดสระแก้ว อ.เมือง จ.นครราชสีมา มาอยู่ที่วัดบ้านไร่ จนถึงปี 2541 เนื่องจากหน้าที่การงาน และธุรกิจที่ขยายกิจการ จึงต้องย้ายภูมิลำเนาไปที่ จ.บุรีรัมย์ โดยไม่ได้ขัดแย้งกับใคร แต่ก็ไม่เหินห่างมากนัก มีโอกาสจะเข้ามานมัสการท่านเป็นระยะๆ

เอกลักษณ์ของหลวงพ่อคูณ จะตั้งชื่อฉายาลูกศิษย์คนสนิททุกคน ตามรูปร่างลักษณะ ของแต่ละบุคคล และอาชีพการงาน ตามที่ท่านสามารถจดจำเอกลักษณ์ได้ง่าย เช่น "ไอ้วัดร้าง" "ไอ้หมอผี" บางครั้งก็ไม่ทราบความหมายหรือที่มาของฉายา แต่ท่านก็เรียกชื่อถูกทุกครั้ง ซึ่งตนหลวงพ่อคูณ เรียกว่า "ไอ้ตอก" และยังเมตตาตั้งชื่อภรรยา "เค็ง" ลูกสาวคนโต "คง" ลูกสาวคนที่สองชื่อ "คลัง" และลูกชายคนเล็กชื่อ "ปัง"

นายชาญชัย หรือ "ไอ้ตอก" กล่าวว่า ภาพเหตุการณ์ที่ประทับใจซึ่งหาชมค่อนข้างยากมาก ท่านกำลังเดินบิณฑบาตช่วงเช้ามืดในพื้นที่ และภาพหลวงพ่อคูณ โปรดสัตว์ และหลวงพ่อคูณปลุกเสกวัตถุมงคล รุ่นแดนดารา บนเครื่องบิน 180 ส่วนคำสอนที่ตนจดจำยึดมั่นเป็นแนวทางดำเนินชีวิตอย่างสงบสุขคือ "หากมึงไม่เคารพรักพ่อและแม่ พระองค์ไหนมึงก็ไม่ต้องไปเคารพกราบไหว้" เพราะพ่อ แม่ คือผู้ให้กำเนิด ถือเป็นพระอรหันต์ในบ้าน และไม่ยินดี ยินร้ายในลาภยศการสรรเสริญ ควรยึดมั่นในความดีเป็นที่ตั้ง ส่วนเหรียญ หรือเครื่องรางของขลัง ก็มีสะสมไว้แต่ไม่มากนัก สำหรับปัญหาความขัดแย้งในขณะนี้ ไม่สามารถออกความเห็นได้ เนื่องจากไม่ได้คุ้นเคยกับลูกศิษย์กลุ่มนี้ รู้จักกันแบบผิวเผินเท่านั้น

ทั้งนี้จากกรณีที่มีกระแสข่าวเปิดเผยถึงบันทึกการประชุมของคณะกรรมการวัดบ้านไร่ เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2558 ที่ผ่านมา ซึ่ง พล.ต.ต.มหัคฆพันธ์ สุรคุปต์ ประธานกรรมการวัดบ้านไร่ขณะนั้น ได้มอบหมายให้นายเกรียงไกร จารุทวี รองประธานกรรมการวัดฯ ชี้แจงบัญชีรายรับ-รายจ่าย ลานสุคโต การก่อสร้างวิหารเทพวิทยาคม ซึ่งพบว่ามีการค้างจ่ายค่าก่อสร้างเป็นจำนวนเงินทั้งหมดกว่า 95 ล้านบาท โดยนายเกรียงไกร ได้สำรองจ่ายไปก่อนแล้วนั้น จนกลายเป็นประเด็นว่าขณะนี้วัดบ้านไร่ต้องเป็นหนี้นายเกรียงไกรอยู่กว่า 95 ล้านบาท

ล่าสุดวันนี้ นายธวัช เรืองหร่าย อดีตไวยาวัจกร และอดีตเหรัญญิกวัดบ้านไร่ เปิดเผยว่า เรื่องนี้ตนยืนยันว่าหลวงพ่อคูณและวัดบ้านไร่ไม่ได้เป็นหนี้ใคร เพราะที่ผ่านมาการก่อสร้างวิหารเทพวิทยาคม เวลาก่อสร้าง คณะกรรมการที่เกี่ยวกับการก่อสร้างก็บอกว่าไม่ได้ใช้เงินของวัดบ้านไร่ทำ แต่เป็นเงินบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธา และเงินค่าเช่าวัตถุมงคล ซึ่งหลวงพ่อคูณไม่เคยรู้เรื่องการใช้จ่ายเงินใดๆ ทั้งสิ้น แต่เวลาประชุมกันกลับโยนภาระให้หลวงพ่อคูณและวัดบ้านไร่ทั้งหมด ซึ่งมันไม่ถูกต้อง และตนก็ไม่เข้าใจว่าผู้เกี่ยวข้องทำเช่นนี้ได้อย่างไรกัน ส่วนข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรนั้นก็ขอให้ผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ นำข้อมูลไปชี้แจงกับคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินวัดบ้านไร่เอาเอง ในวันที่ 25 พฤษภาคม 2558 นี้ เพราะตนไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า หากเรื่องนี้ทำให้หลวงพ่อคูณและวัดบ้านไร่เป็นหนี้ 95 ล้านจริง จะมีการสร้างวัตถุมงคลรุ่นปลดหนี้ เพื่อหาเงินมาใช้หนี้หรือไม่ นายธวัช กล่าวว่า คงยังไม่ถึงขั้นนั้นแน่ ซึ่งก็ต้องรอให้ทุกอย่างมีความชัดเจน หลังจากที่คณะกรรมการลงพื้นที่ตรวจสอบทรัพย์สินวัดเสร็จก่อน ทั้งนี้ตนคาดว่าการสร้างพระรุ่นปลดหนี้ อาจจะเป็นการพูดคุยกันเล่นๆ ในหมู่ลูกศิษย์เท่านั้น