′จตุรงค์ สุขเอียด′แจงที่มาหุ้น′ฐปณีย์′ ย้ำ เคารพ′สถาบันอิศรา′เสมอ แต่ข้องใจเจตนา

นายจตุรงค์ สุขเอียด ผู้สื่ข่าวชื่อดังได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กชี้แจงถึงกรณีที่ "สำนักข่าวอิศรา" รายงานข่าวเรื่อง "หุ้นเล็ก ๆของฐปณีย์ ในบริษัทผลิตสื่อ" โดยระบุว่า "หุ้นเล็กๆ" จำนวน 2 เปอร์เซ็นต์ของฐปณีย์นั้น


 เป็นเพียงการถือหุ้นให้ครบองค์ประกอบในการจดทะเบียนบริษัท

′จตุรงค์ สุขเอียด′แจงที่มาหุ้น′ฐปณีย์′ ย้ำ เคารพ′สถาบันอิศรา′เสมอ แต่ข้องใจเจตนา

เรื่องหุ้นส่วนของฐปณีย์ มีที่มาแบบนี้ครับ เมื่อตอนไอทีวีจอดำ ช่วงจะประกาศปิดไอทีวีนั้น ก็มีคนมาชวนผมไปทำงานในช่องอยู่บ้างหลายช่อง ผมตัดสินใจไม่ไป เพราะมีน้องเก่าที่อยู่กันมาไม่มีใบวุฒิการศึกษาแต่มีผลงานดีทำงานได้จำนวนหนึ่ง จึงผมเลือกเขียนรูปแบบรายการไปเสนอ เพราะคิดว่าการไม่ไปอยู่ช่องดี ที่ไม่ต้องไปเบียดที่นั่งทำงานกับคนเก่าๆ ให้เขาไม่สบายใจ 

ต่อมาบริษัท เทน เทเลมาร์เก็ต จำกัด ก็ตกลงจ้างผลิตรายการ "ตรงจุดเกิดเหตุ" ไปออกช่อง3 ตอนนั้น แยม ฐปณีย์ เอียดศรีไชย ก็กำลังจะกลับไปอยู่บ้าน คุณอลงกรณ์ เหมือนดาว (พี่บ๊อบ) ก็ชวนมาอยู่ด้วยกัน ตอนนี้เราจึงรวมกำลังทำตรงจุดเกิดเหตุได้ 7 คน ทางบริษัท เทนฯ ก็บอกว่า สิ้นเดือนจะต้องจ่ายค่าผลิตเทปตรงจุดเกิดเหตุ แต่ต้องรับในนามบริษัทเพราะมีเรื่องภาษีต่างๆ ด้วย

จุดนี้ทำให้ผมต้องขอให้รุ่นน้องทำเรื่องเปิดบริษัท คิดไม่ออก ก็เอาชื่อรายการเก่าสมัยไอทีวีมีตั้งชื่อว่า "ถอดรหัสย้อนรอย จำกัด" แต่ขณะนั้นก็มีเงื่อนไขว่า บริษัทจำกัดต้องมีกรรมการร่วมไม่ต่ำกว่า 7 คน เราจึงขอยืมชื่อให้ครบ 7 คน 

พี่บ๊อบตอนนั้นติดหนี้ มีbllack list อยู่ ก็ใช้ชื่อไม่ได้ ผมก็ถือแทน ส่วนอีก 6 ก็เอาชื่อ ศศิน สุวรรณปากแพรก เป็นบุตรคุณอัฌชา ที่เห็นว่าเงินไม่พอลงทุนจึงช่วย 20 เปอร์เซ็นต์ ปัญญา นานกระโทก (นักข่าว) วุฒิชัย จิตชื่น(นักข่าว) วิโรจน์ สุขศรี (ช่างภาพ) ศิวภัฎ บริบูรณ์ (บัญชีการเงิน) รวมถึงฐปณีย์ เอียดศรีไชย (นักข่าว) คนละ 2 เปอร์เซ็นต์ มาถือให้ครบ 100 เปอร์เซ็นต์ 


ส่วนเงินจดทะเบียนนั้น ตอนเลิกไอทีวีเขาก็มีเงินเลิกจ้างให้มา ผมก็เอามาลงทุนซื้อกล้องราคาถูกมา 4 ตัว เราถือคติไม่รับจ้างอย่างอื่นที่ไม่ได้เป็นงานข่าวที่เรามีอิสระในการคิดทำ เพื่อไม่ให้เงินมีอิทธิพลกับความคิดเราเกินไป

จนต่อมา คุณกิตติ สิงหาปัด ออกจาก อสมท.ไปอยู่ช่อง3 ก็เห็นว่าพวกเรามีกำลังที่จะช่วยงานได้ ก็มาชวนผมกับพี่บ๊อบ อลงกรณ์ มาช่วยทำเบื้องหลังให้เช่นกัน เขาต้องตั้งบริษัทขึ้นมารับค่าจ้างมา (จ้างเป็นรายเดือน) ไม่ได้เป็นสัดส่วนโฆษณาแต่อย่างใด เขาก็ใช้ชื่อผมไปเป็นกรรมการด้วย แต่พี่บ๊อบ ติดเรื่องเดิม ผมจึงถือแทนเขาในสัดส่วนที่น้อยเพื่อให้ครบองค์ประกอบการจดทะเบียนบริษัท ของกรมทะเบียนการค้า

ปีนั้นเราจึงขอให้แยมไปช่วยพี่กิตติเต็มตัว เธอจึงไม่ได้ทำรายการตรงจุดเกิดเหตุอีก ส่วนหุ้นที่ถืออยู่ก็เห็นว่าไม่ได้มีปัญหาอะไรก็ปล่อยไป

ทำมาราว 5 ปี ก็มีปัญหาภายในกัน บริษัท ถอดรหัสย้อนรอย จำกัด จึงหยุดประกอบการ ตั้งแต่ช่วงปี2556 มา แต่อยู่ระหว่างให้นักกฎหมายเข้าไปขายตลาดทรัพย์สินเดิม แต่มีบางส่วนขายได้ในปีภาษี2557 แล้วก็ปันเงินออมให้กับน้องๆ บางส่วนไป จึงต้องรอเคลียร์ภาษีในปี 2558 ก่อน หากขายทรัพย์สินสุดท้ายได้แล้วคืออาคารอีกหลัง 

ฐปณีย์ จึงไม่ได้นับเป็นหุ้นส่วนใดๆ กับบริษัทมาเลย เพราะไม่เคยมีปันผล นอกจากเงินได้สะสม 

ผมยังต้องผลิตรายการให้กับ บ.เทนฯ ต่อ ซึ่งก็เปลี่ยนชื่อมาเป็นรายการ "สเปเชียลรีพอร์ต" เงื่อนไขการรับเงินก็เช่นเดิมในนามบริษัท ก็ให้เขาจดบริษัทใหม่มารับค่าผลิตงาน ชื่อ newsdoc (นิวส์ด็อค จำกัด) เพราะอีกบริษัทที่เขาจดให้มา ไม่มีเรื่องแวต จึงดำเนินการใดๆ ไม่ได้ เหตุที่เมื่อสถาบันอิศราไปดูในกรมทะเบียนการค้า จึงปรากฎชื่อ ฐปณีย์ เอียดศรีไชย และจตุรงค์ สุขเอียด

ผมกับทางสถาบันอิศรา นั้นก็ต่างคนต่างบทบาทกับ ความจริงผมก็ได้รับการอบรมสั่งสอนมาจากท่าน ซื่อสัตย์ โปร่งใส ตรวจสอบได้

กรณีที่ท่านไปส่องในฐานข้อมูลของกรมทะเบียนการค้า ในยามที่ฐปณีย์ กำลังถูกโจมตีอย่างรุนแรงนั้น ผมไม่เข้าใจในเหตุผลและเป้าประสงค์ แต่ในฐานะที่เป็นคนทำข่าวด้วย ผมก็ว่าหากในเมื่อข้อมูลของท่านปรากฎชื่อผม ชื่อเธอแล้ว ทำไมท่านไม่โทรมาสอบถามผมและเธอบ้าง

แต่ไม่เป็นไร ด้วยผมคารวะครูบาอาจารย์เสมอมา ให้นับเสียว่า ผมทำข้อมูลอีกด้านหนึ่งของของท่านให้สมบูรณ์กับผู้ที่บริโภคข้อมูลของท่านแล้วก็ก็แล้วกันครับ 

ด้วยศรัทธาครับอาจารย์

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์