เปิดบัญชีทรัพย์สินวัดบ้านไร่ ‘พ่อคูณ'เป็นหนี้แตะ95ล้าน : เรื่องและภาพ ไตรเทพ ไกรงู
"การตรวจสอบทรัพย์สินหลวงพ่อคูณ และวัดบ้านไร่" กลายเป็นประเด็นหลักที่ถูกหยิบยกขึ้นมาถกเถียงกันว่า พระเทพวิทยาคม (คูณ ปริสุทโธ) เจ้าของฉายานาม "เทพเจ้าแห่งด้านขุนทด" ว่ามีทรัพย์อะไรบ้างและมีเงินอยู่เท่าไร
ล่าสุด พระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์ หรือ ดอกเตอร์มหาโกวิท เจ้าอาวาสวัดด่านใน ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา เจ้าคณะอำเภอด่านขุนทด เปิดเผยว่า ได้เชิญคณะสงฆ์อำเภอด่านขุนทดประชุม โดยมีพระสงฆ์มาร่วมประชุมจาก 152 วัด จำนวน 217 รูป โดยได้หารือประเด็นหลักๆ คือ
กรณีบัญชีทรัพย์สินของหลวงพ่อคูณที่บอกว่า ยังไม่สามารถแจ้งจำนวนเงินและบัญชีได้ประกอบด้วย
1.เงินงบประมาณของ มูลนิธิหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานมูลนิธิ โดยตำแหน่ง และมีนายอำเภอด่านขุนทด เป็นเลขาธิการมูลนิธิ นางปทุม กุลกำจร เป็นเหรัญญิก ปัจจุบันมีเงินกองทุนอยู่ประมาณ 47 ล้านบาท และคณะกรรมการมูลนิธิได้นำดอกผลมาใช้บริหารจัดการภายในวัดบ้านไร่ และบริจาคเพื่อสาธารณกุศล
2. "เงินที่ประชาชนมาบริจาค" ให้เป็นการส่วนตัวของหลวงพ่อคูณ และ 3.เงินบริจาคในบัญชีของวัดบ้านไร่ ที่มี พล.ต.ต.มหัคฆพันธ์ สุรคุปต์ ประธานคณะกรรมการ และคณะกรรมการวัดบ้านไร่ โดยมี "ธวัช เรืองหร่าย" เป็นเหรัญญิก บริหารจัดการอยู่ แต่ทั้ง 2 บัญชีท้าย ยังไม่ทราบจำนวนเงินที่แน่ชัดต้องรอประชุมหารือสรุปตัวเลขก่อน โดยกำหนดจัดประชุมหลังจากสวดอภิธรรมศพและบำเพ็ญกุศลให้หลวงพ่อคูณผ่านไปครบ 7 วันก่อนเพื่อจะได้ความโปร่งใสอีกครั้งหนึ่ง และจะรายงานไปตามลำดับขั้นตั้งแต่ระดับตำบล อำเภอ จังหวัดต่อไป
แต่มีเรื่องที่หน้าสนใจยิ่งกว่าคือ "หลวงพ่อคูณเป็นหนี้! กรรมการวัดบ้านไร่ 95,445,215.45 บาท"
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2558 เวลา 10.00 น. คณะกรรมการวัดบ้านไร่ประชุม ครั้งที่ 4/2558 ณ ศาลาริมสระน้ำ วัดบ้านไร่ มีวาระการประชุมทั้งหมด 4 วาระ โดยมี พล.ต.ต.มหัคฆพันธ์ สุรคุปต์ อดีต ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา ประธานกรรมการวัดบ้านไร่
ในการประชุมครั้งดังกล่าวมีอยู่ 2 วาระที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง คือ วาระที่ 2 เรื่องรายงานความก้าวหน้าในการก่อสร้าง และการบริหารวิหารเทพวิทยาคม และ วาระที่ 3 เรื่อง รายงานบัญชีรายรับ - รายจ่ายในการก่อสร้างและการบริหารวิหารเทพวิทยาคม ในหน้าที่ 3
เมื่อองค์ประชุมครบแล้ว พล.ต.ต.มหัคฆพันธ์ ได้มอบหมายให้ เกรียงไกร จารุทวี รองประธานกรรมการวัดบ้านไร่ เป็นผู้ดำเนินการประชุม โดยในระเบียบวาระที่ 3 รายงานบัญชีรายรับ-รายจ่ายในการก่อสร้างและการบริหารวิหารเทพวิทยาคม เกรียงไกร กล่าวรายงานสถานะบัญชี รายรับ-รายจ่าย ลานสุคโต การก่อสร้างและการบริหารวิหารเทพวิทยาคม ณ วันที่ 20 มีนาคม 2558 มีรายละเอียด ดังนี้
1.รายงานบัญชีลานสุคโต
1.1 เงินบริจาคบัญชีลานสุคโต จำนวน 3,800,000 บาท
1.2 ดอกเบี้ยธนาคาร 2,711.43 บาท รวม 3,802,711.43 บาท
1.3 รายจ่ายการก่อสร้าง จำนวน 3,316,565.58 บาท คงเหลือจำนวน 486,141.85 บาท
1.4 รายจ่ายค้างจ่าย งานปั้นรูปหล่อหลวงพ่อ (ขุนสว่าง อนุศิลป์) จำนวน 400,000 บาท
1.5 เงินสดคงเหลือในบัญชี จำนวน 486,141.85 บาท
2.รายงานผลการดำเนินงาน และสถานะการเงิน บัญชีรายรับ-รายจ่าย วิหารเทพวิทยาคม
2.1 ค่าก่อสร้างวิหาร จำนวน 385,537,202.49 บาท
2.2 รายจ่ายค้างจ่ายค่าก่อสร้าง (หนี้ร้านค้า) จำนวน 5,143,171.50 บาท
2.3 เงินฝากธนาคารและเงินสดคงเหลือ จำนวน 397,035.79 บาท
2.4 เกรียงไกร จารุทวี สำรองจ่ายคงเหลือ จำนวน 95,445,215.45 บาท
2.5 พระคงเหลือ ชุดทองคำถวายในหลวงจำนวน 1 ชุด
3.งบรายรบรายจ่าย (บริหารจัดการวิหารเทพวิทยาคม) ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2556 - 20 มีนาคม 2558
3.1 รายได้ จำนวน 57,706,714 บาท
3.2 เงินทำบุญ จำนวน 8,000,000 บาท รวมเป็นเงิน 61,706,714 บาท
3.3 รายจ่ายเงินเดือนพนักงานและบริหารจัดการ จำนวน 40,723,393 บาท
3.4 ซื้อทรัพย์สิน จำนวน 4,323,012 บาท
3.5 พัฒนาก่อสร้าง จำนวน 16,933,581 บาท
ทั้งนี้ในท้ายรายงานของวาระที่ 3 ไม่มีคณะกรรมการคนใดสอบถามเพิ่มเติม โดยที่ประชุมมีมติรับทราบเท่านั้น
การประชุมคณะกรรมการวัดบ้านไร่ ครั้งที่ 4/2558 เมื่อวันที่วันที่ 7 พฤษภาคม 2558 ถือว่า เป็นการประชุมครั้งสุดท้ายก่อนที่หลวงพ่อคูณจะมรณภาพ โดยการประชุมเสร็จสิ้นลงเวลา 12.00 น. โดยมี "ปริญญา ญาณบุตร" เป็นผู้จดรายงานการประชุม
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวคณะกรรมการวัดบ้านไร่ให้ข้อมูลกับ "คม ชัด ลึก" ว่า ปัจจุบัน "วิหารเทพวิทยาคม" ผู้ดูแลผลประโยชน์ คือ เกรียงไกร จารุทวี รองประธานกรรมการวัดบ้านไร่ โดยรองประธานคนดังกล่าวเคยเป็นทนายความประจำตัวของว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี อดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคไทยรักไทย และอดีตรองประธานมูลนิธิหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ที่มีส่วนผลักดันให้จัดสร้าง "พิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ"
อย่างไรก็ตามตั้งแต่ "วิหารเทพวิทยาคม" สร้างแล้วเสร็จ มีประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ คือ เงินทำบุญถูกนำไปหักหนี้ก่อสร้างที่วัดค้างไว้จำนวน 95,445,215.45 บาท โดยในรายงานผลการดำเนินงาน และ สถานะการเงิน บัญชีรายรับ-รายจ่าย วิหารเทพวิทยาคมระบุว่า "เกรียงไกร" เป็นผู้สำรองจ่าย
คณะกรรมการวัดบ้านไร่ ยังให้ข้อมูลกับ "คม ชัด ลึก" อีกด้วยว่า ตามกฎหมายหนี้จำนวน 95,445,215.45 บาท แม้ว่าจะขึ้นชื่อว่าเป็นหนี้วัดบ้านไร่ แต่วัดบ้านไร่คือวัดหลวงพ่อคูณนั่นเอง
เพื่อเป็นการปลดหนี้จำนวนดังกล่าว สิ่งตามมาของการหารายได้ โดยเป็นแผนที่ทุกวัดยึดปฏิบัติเป็นแนวทางเดียวกัน คือ วัดบ้านไร่อาจจะ สร้างวัตถุมงคล หลวงพ่อคูณ รุ่นปลดหนี้ เพื่อนำเงินรายได้ไปใช้หนี้จำนวน 95,445,215.45 บาท
ทรัพย์สินของวัดบ้านไร่
"ธวัช เรืองหร่าย" อดีตไวยาวัจกร วัดบ้านไร่ ลูกศิษย์ใกล้ชิดพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา เปิดเผยถึงทรัพย์สินของวัดบ้านไร่ว่า ปัจจุบันมีบัญชีเงินฝากธนาคารหลักอยู่ 3 บัญชี คือ บัญชีส่วนตัวของพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) เป็นเงินมาจากการบริจาคทำบุญในตู้บริจาคภายในวัดบ้านไร่ทั้งหมด โดยหลวงพ่อคูณเป็นผู้ลงนามเบิกจ่ายเงินในบัญชีได้เพียงคนเดียวนั้น จะถูกนำมาใช้เป็นค่าใช้จ่ายประจำในการบริหารจัดการต่างๆ ของวัดบ้านไร่ทั้งหมด มีค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าเจ้าหน้าที่พยาบาล เป็นต้น
ส่วนที่เหลือจะถูกนำไปฝากเข้าบัญชีของหลวงพ่อคูณ โดยส่วนใหญ่เมื่อได้เงินทำบุญมา หลวงพ่อจะบริจาคให้สาธารณประโยชน์ไปเกือบทั้งหมด ล่าสุดมีเงินเหลือในบัญชีประมาณ 2-3 แสนบาท
ส่วนบัญชีที่ 2 คือ "บัญชี 90" เป็นบัญชีเงินฝากธนาคารที่หลวงพ่อตั้งใจจะนำน้อมเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อได้ครบจำนวน 100 ล้านบาท โดยเป็นความตั้งใจสุดท้าย อันยิ่งใหญ่ของหลวงพ่อคูณก่อนละสังขาร โดยเงินส่วนนี้ได้มาจากการสร้างวัตถุมงคลให้เช่า กองทุนบัญชีนี้ตั้งได้ไม่นานประมาณ 2-3 ปีเท่านั้น ล่าสุดมีเงินในบัญชีประมาณ 17 ล้านบาท ผู้มีอำนาจในการเบิกจ่ายมี 3 คน คือ พล.ต.ต.มหัคฆพันธุ์ สุรคุปต์ ประธานกรรมการวัดบ้านไร่ ธวัช เรืองหร่าย ไวยาวัจกร วัดบ้านไร่ และสมบูรณ์ โสตถิอนันต์ หรือไก่โต้ง เลขานุการคณะกรรมการวัดบ้านไร่
บัญชีที่ 3 คือ บัญชีเงินฝากธนาคารของพิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ ตั้งอยู่ภายในวัดบ้านไร่ โดยรายได้จากการบริจาคในพิพิธภัณฑ์ทั้งหมดหลังหักค่าใช้จ่ายจะนำเข้าบัญชีนี้ มีเงินอยู่ประมาณ 6-7 ล้านบาท ผู้ที่มีอำนาจในการลงนามเบิกจ่ายมี 3 คน คือ ธวัช เรืองหร่าย ไวยาวัจกรวัดบ้านไร่ ธวัฒน์ชัย แสนประสิทธิ์ กำนัน ต.กุดพิมาน และ สมบูรณ์ โสตถิอนันต์ หรือไก่โต้ง เลขานุการคณะกรรมการวัดบ้านไร่
ส่วนบัญชีเงินฝากธนาคารได้ใช้ชื่อบัญชีมูลนิธิหลวงพ่อคูณนั้น เกรียงไกร จารุทวี ผู้บริหารกิจการวิหารเทพวิทยาคม และเป็นดูแลเงินรายได้จากวิหารเทพวิทยาคมทั้งเงินบริจาค เงินทำบุญจากบัตรเติมบุญต่างๆ
นอกจากนั้น ยังมีบัญชีเงินฝากของมูลนิธิหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ที่จ.นครราชสีมาเป็นผู้ดูแล โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาเป็นประธานมูลนิธิ และนายอำเภอด่านขุนทด เป็นเลขาธิการมูลนิธิ และนางปทุม กุลกำจร เป็นเหรัญญิก โดยมูลนิธิได้นำดอกผลมาใช้บริจาค เพื่อการสาธารณกุศล มอบทุนการศึกษา ทุนอาหารกลางวัน ให้แก่เด็กนักเรียน-นักศึกษาฐานะยากจนเป็นประจำทุกปี ปัจจุบันมีเงินกองทุนอยู่ประมาณ 47 ล้านบาท