จุดนี้ทำให้ผมต้องขอให้รุ่นน้องทำเรื่องเปิดบริษัท คิดไม่ออก ก็เอาชื่อรายการเก่าสมัยไอทีวีมีตั้งชื่อว่า ถอดรหัสย้อนรอย จำกัด แต่ขณะนั้นก็มีเงื่อนไขว่าบริษัทจำกัดต้องมีกรรมการร่วมไม่ต่ำกว่า7คน เราจึงขอยืมชื่อให้ครบ7คนพี่บ๊อบ ตอนนั้นติดหนี้มีbllack listอยู่ก็ใช้ชื่อไม่ได้ ผมก็ถือแทน ส่วนอีก6ก็เอาชื่อศศิน สุวรรณปากแพรก เป็นบุตรคุณอัฌชา ที่เห็นว่าเงินไม่พอลงทุนจึงช่วย20เปอร์เซ็นต์ ปัญญา นานกระโทก (นักข่าว) วุฒิชัย จิตชื่น(นักข่าว) วิโรจน์ สุขศรี(ช่างภาพ) ศิวภัฎ บริบูรณ์(บัญชีการเงิน) รวมถึง ฐปณีย์ เอียดศรีไชย(นักข่าว) คนละ2เปอร์เซ็นต์ มาถือให้ครบ100 เปอร์เซ็นต์ ส่วนเงินจดทะเบียนนั้น ตอนเลิกไอทีวีเขาก็มีเงินเลิกจ้างให้มา ผมก็เอามาลงทุนซื้อกล้องถูกมา4ตัว
เราถือคติไม่รับจ้างอย่างอื่นที่ไม่ได้เป็นงานข่าวที่เรามีอิสระในการคิดทำ เพื่อไม่ให้เงินมีอิทธิพลกับความคิดเราเกินไป
จนต่อมา คุณกิตติ สิงหาปัด ออกจาก อสมท.ไปอยู่ช่อง3ก็เห็นว่าพวกเรามีกำลังที่จะช่วยงานได้ ก็มาชวนผมกับพี่บ๊อบ อลงกรณ์ มาช่วยทำเบื้องหลังให้ เช่นกันเขาต้องตั้งบริษัทขึ้นมารับค่าจ้างมา(จ้างเป็นรายเดือน)ไม่ได้เป็นสัดส่วนโฆษณาแต่อย่างใด เขาก็ใช้ชื่อผมไปเป็นกรรมการด้วย แต่พี่บ๊อบ ติดเรื่องเดิม ผมจึงถือแทนเขาในสัดส่วนที่น้อยเพื่อให้ครบองค์ประกอบการจดทะเบียนบริษัท ของกรมทะเบียนการค้า
ปีนั้นเราจึงขอให้แยมไปช่วยพี่กิตติ เต็มตัว เธอ จึงไม่ได้ทำรายการตรงจุดเกิดเหตุอีก ส่วนหุ้นที่ถืออยู่ก็เห็นว่าไม่ได้มีปัญหาอะไรก็ปล่อยไป
ทำมาราว5ปีก็มีปัญหาภายในกัน บริษัท ถอดรหัสย้อนรอย จำกัด จึงหยุดประกอบการ ตั้งแต่ช่วงปี2556มา แต่อยู่ระหว่างให้นักกฎหมายเข้าไปขายตลาดทรัพย์สินเดิม แต่มีบางส่วนขายได้ในปีภาษี2557แล้วก็ปันเงินออมให้กับน้องๆบางส่วนไป
จึงต้องรอเคลียร์ภาษีในปี2558ก่อนหากขายทรัพย์สินสุดท้ายได้แล้วคืออาคารอีกหลัง
ฐปณีย์ จึงไม่ได้นับเป็นหุ้นส่วนใดๆกับบริษัทมาเลยเพราะไม่เคยมีปันผลนอกจากเงินได้สะสม
ผมยังต้องผลิตรายการให้กับเทนต่อ ซึ่งก็เปลี่ยนชื่อมาเป็นรายการสเปเชียลรีพอร์ต เงื่อนไขการรับเงินก็เช่นเดิมในนามบริษัท ก็ให้เขาจดบริษัทใหม่มารับค่าผลิตงาน ชื่อ newsdoc (นิวส์ด็อค จำกัด)
เพราะอีกบริษัทที่เขาจดให้มาไม่มีเรื่องแวต จึงดำเนินการใดๆไม่ได้ เหตุที่เมื่อ สถาบันอิศรา ไปดูในกรมทะเบียนการค้าจึงปรากฎชื่อ ฐปณีย์ เอียดศรีไชย และจตุรงค์ สุขเอียด
ผมกับทางสถาบันอิศรา นั้นก็ต่างคนต่างบทบาทกับ ความจริงผมก็ได้รับการอบรมสั่งสอนมาจากท่าน ซื่อสัตย์ โปร่งใส ตรวจสอบได้
กรณีที่ท่านไปส่องในฐานข้อมูลของกรมทะเบียนการค้าในยาม ที่ฐปณีย์ กำลังถูกโจมตีอย่างรุนแรงนั้น ผมไม่เข้าใจในเหตุผลและเป้าประสงค์ แต่ในฐานะที่เป็นคนทำข่าวด้วยผมก็ว่าหากในเมื่อข้อมูลของท่านปรากฎชื่อผมชื่อเธอแล้ว ทำไมท่านไม่โทรมาสอบถามผมและเธอบ้าง
แต่ไม่เป็นไร ด้วยผมคารวะครูบาอาจารย์เสมอมา ให้นับเสียว่า ผมทำข้อมูลอีกด้านหนึ่งของของท่านให้สมบูรณ์กับผู้ที่บริโภคข้อมูลของท่านแล้วก็ก็แล้วกันครับ
ด้วย ศรัทธาครับอาจารย์