ลงดาบให้ออก‘พตท.’ เอี่ยวแก๊งค้า‘โรฮีนจา’ ตร.ตามล็อกเมียโกโต้ง
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอื่นๆ ลงดาบให้ออก‘พตท.’ เอี่ยวแก๊งค้า‘โรฮีนจา’ ตร.ตามล็อกเมียโกโต้ง
เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคง จ.ระนอง เปิดเผยว่า หลังจากเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคมที่ผ่านมา ศาลได้อนุมัติออกหมายจับ นางทัศนีย์ สุวรรณรัตน์ ภรรยาคนที่ 2 ของนายปัจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือ “โกโต้ง” อดีตนายก อบจ.สตูล ผู้ต้องหาคนสำคัญในคดีค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า นางทัศนีย์ ยังอาศัยอยู่ที่บ้านพัก จึงนำกำลังพร้อมหมายจับลงพื้นที่ติดตามตัว จนสามารถจับกุมได้ที่สวนปาล์มของ นางทัศนีย์ ใน ต.ม่วงกลวง อ.กะเปอร์ จ.ระนอง จึงควบคุมตัวส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ จ.สงขลา
ประสานเมียนมาล่า“โกมิ๊ก”
ส่วนความคืบหน้าในการติดตามตัวผู้ต้องหาอีก 7 คน ใน จ.ระนอง ที่ถูกออกหมายจับแต่ยังหลบหนีการจับกุมอยู่นั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์ประสานงานชายแดนไทย-พม่า ด้าน จ.ระนอง-เกาะสอง ยังคงมีการติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของทั้งหมดอยู่ แต่เบื้องต้นคาดว่าหลายคนได้หนีข้ามฟากไปกบด้านในฝั่งประเทศเมียนมาแล้ว โดยก่อนหน้านี้ฝ่ายไทยได้ขอความร่วมมือในการติดตามตัว นายณัฐภัทร แสงทอง หรือโกมิ๊ก น้องชาย นายสุวรรณ แสงทอง หรือโกหนุ่ยที่มอบตัวก่อนหน้านี้ โดยเจ้าหน้าที่สงสัยว่า โกมิ๊ก คือตัวการใหญ่ที่กว้างขวางที่สุดใน จ.ระนอง และเป็นตัวการสำคัญในการเชื่อมโยงเครือข่ายค้ามนุษย์ในฝั่งประเทศเมียนมา และคาดว่า นายณัฐภัทร ได้เดินทางข้ามฟากไปยังฝั่ง จ.เกาะสอง เพื่อกบดานกับภรรยาที่เป็นชาวเมียนมาที่ จ.เกาะสอง อีกทั้งนายณัฐภัทร ถือ 2 สัญชาติ ทำให้สามารถเดินทางเข้าออกได้ทั้งฝั่งไทยและเมียนมา
คาดหิ้วลูกน้องหนีด้วย
ส่วนผู้ต้องหาอีกรายที่ เจ้าหน้าที่สืบทราบว่าหนีไปกบดานในฝั่งประเทศเมียนมาเช่นกันคือ นายวราคม โมลี ซึ่งเป็นผู้ใกล้ชิดกับนายณัฐภัทร ที่อาจขอให้นายณัฐภัทรช่วยหาที่หลบซ่อนตัวหลังจากเกิดเหตุขึ้น ส่วนผู้ต้องหารายอื่นๆ นั้นขณะนี้มีผู้ต้องหาใน จ.ระนองที่ถูกออกหมายจับในคดีค้ามนุษย์รวม 9 คน เข้ามอบตัวแล้ว 2 คนคือ นายสุวรรณ แสงทองหรือโกหนุ่ย และนายปิยวัฒน์ หงษ์ไทย หรือโกหย่ง ส่วนอีก 7 คนยังคงหลบหนีและยังไม่มีการติดต่อขอเข้ามอบตัว
ออกหมายจับเพิ่มอีก6ราย
ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 9 ส่วนหน้า (ศปก.ภ.9สน.) สภ.หาดใหญ่ พล.ต.ท.มนตรี โปตระนันทน์ ผบช.ภ.9 และ พล.ต.ต.พุทธิชาต เอกฉันท์ รองผบช.ภาค9 พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ รองผบช.ภ.8 รับผิดชอบงานสอบสวนคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา ร่วมแถลงความคืบหน้าคดีค้ามนุษย์ ในพื้นที่ จ.สงขลา สตูล และระนอง ที่ล่าสุดได้ออกหมายจับเพิ่มอีก 6 ราย รวมเป็น 71 หมายจับ และสามารถควบคุมตัวได้แล้ว 33 ราย ยังเหลืออีก 38 รายที่เจ้าหน้าที่ยังคงติดตามจับกุมอย่างต่อเนื่อง
ค้นบ้านเมียพ.ต.ท.ชาญ
เมื่อเวลา 13.38 น. พ.ต.อ.สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย พ.ต.อ.สมบัติ ฉ่ำแสง ผกก.สส.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี และ พ.ต.อ.สมาน ชัยณรงค์ รอง.ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต รรท.ผกก.สภ.บ่อผุด นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด นปพ.สุราษฎร์ธานี ควบคุมตัว พ.ต.ท.ชาญ อู่ทอง สว.ธร.สภ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี ผู้ต้องหาในคดีค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา ไปค้นบ้านพักสองชั้นไม่มีเลขที่ ภายในซอยรุ่งโรจน์ หลังวัดละไม หมู่ 6 ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย ซึ่งเป็นของ นางวริษฐา อู่ทอง อายุ 51 ปี ภรรยา เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม ทั้งนี้ พบว่าบ้านหลังดังกล่าวมีไว้สำหรับให้ผู้อื่นเช่า เบื้องต้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย
ให้ออกจากราชการไว้ก่อน
จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว พ.ต.ท.ชาญ ไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.บ่อผุด ก่อนจะคุมตัวขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปส่งให้ ศปก.ภ.9สน. ที่ สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และเบื้องต้น ได้มีคำสั่งให้ พ.ต.ท.ชาญ ออกจากราชการไว้ก่อน ส่วนผู้ต้องหาอีก 3 คน คือ นายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือโกโต้ง นางทัศนีย์ สุวรรณรัตน์ ภรรยาคนที่ 2 ของโกโต้ง และนายอนุสรณ์ สุขเกษม หรือโกเล้ง ทางพนักงานสอบสวนยังคงเร่งสอบสวนให้แล้วเสร็จภายใน 48 ชั่วโมง ตามอำนาจที่สามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาได้ และให้ได้รายละเอียดมากที่สุด เนื่องจากเป็นผู้ต้องหาคนสำคัญในเครือข่ายค้ามนุษย์เพื่อให้คดีรัดกุมมากที่สุด โดยเฉพาะโกโต้ง ซึ่งขณะนี้มีหมายจับรวมกันถึง 9 หมาย ทั้งคดีค้ามนุษย์ และเรื่องการบุกรุกที่ดินที่ จ.สตูล
“โกโต้ง”ยังปิดปากแน่น
ด้าน พล.ต.ต.ปวีณ เปิดเผยถึงการสอบปากคำนายปัจจุบัน หลังจากที่เจ้าหน้าที่ใช้เวลาสอบสวนตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาว่า ยังคงปฏิเสธและไม่ยอมให้การใดๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี แต่ล่าสุดตำรวจสตูลได้นำหมายจับอีก 8 คดีมาแจ้งข้อหาเพื่อเชื่อมโยงกับคดีค้ามนุษย์ ขณะที่ความคืบหน้าการสอบสวนขยายผลเครือข่ายค้ามนุษย์นั้นเบื้องต้นยังไม่พบว่ามีนายทหารระดับสูงเข้ามาเกี่ยวข้องตามที่มีกระแสข่าวออกมาและผู้ต้องหาทั้งที่ถูกออกหมายจับและควบคุมตัวได้แล้วไม่มีการจับผิดตัวเพราะมีพยานหลักฐานชัดเจน ทั้งนี้ ในการสืบสวนคดีค้ามนุษย์ต้องทำงานแข่งกับเวลาทำให้จำเป็นต้องระดมพนักงานสอบสวนมาจากทั้งภาค8 และภาค9 เช่น สงขลา สตูล พัทลุงและตรัง เพื่อเร่งสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานให้แล้วเสร็จภายในกลางเดือนมิถุนายนนี้ มีการสอบพยานไปแล้ว 81 ปาก เป็นเหยื่อ 50 ปาก และผู้ต้องหา 29 ปาก
ร.ต.ต.มอบตัวเพิ่มอีก1
ต่อมาในช่วงเย็นวันเดียวกัน ร.ต.ต.นราธร สัมพันธ์ รองสารวัตรสืบสวนตำรวจภูธร จ.ระนอง หนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ ซึ่งทำหน้าที่ดูแลประสานงานเครือข่ายและอำนวยความสะดวกเส้นทางค้ามนุษย์จากต้นทางจ.ระนองจนถึงปลายทางอ.สะเดา จ.สงขลา ได้เข้ามอบตัวกับ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. ที่ ศปก.ภ.9สน. อีก 1 คน โดยเจ้าหน้าที่ได้นำตัวเข้าห้องสอบสวนทันที แต่เจ้าตัวยังคงให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องตามที่ถูกกล่าวหา ทั้งนี้ ร.ต.ต.นราธร เป็นผู้ต้องหารายที่ 34 ที่เข้ามอบตัวจากผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับทั้งหมด 71 คน
สอบไม่คืบ-ปิดปากเงียบ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ความเคลื่อนไหวตลอดทั้งวันที่ ศปก.ภ.9 พนักงานยังคงเร่งสอบสวนผู้ต้องหาที่ได้ทยอยเข้ามอบตัวและถูกจับกุมได้ทั้งหมด อาทิ นางทัศนีย์ นายอนุสรณ์ สุขเกษม หรือโกเล้ง พ.ต.ท.ชาญ อู่ทอง สารวัตรธุรการ สภ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี และร.ต.ต.นราธร สัมพันธ์ รองสารวัตรสืบสวนตำรวจภูธรจ.ระนอง แต่ทั้งหมดยังคงให้การปฏิเสธ
UNCHRโวย3ชาติเมินตั้งศูนย์
วันเดียวกัน น.ส.วิเวียน ทัน โฆษกสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ได้ออกแถลงการณ์ประณามท่าทีของ อินโดนีเซีย ไทย และมาเลเซีย ที่ปฏิเสธการจัดสถานที่พักพิงชั่วคราวแก่ผู้อพยพชาวโรฮีนจา อีกทั้งยังผลักดันเรือผู้อพยพออกจากน่านน้ำของตัวเองว่า เป็นเรื่องน่าผิดหวังและเป็นลางร้าย การแสดงออกดังกล่าวสวนทางกับความคาดหวังของยูเอ็นเอชซีอาร์ ที่คาดว่าจะมีผู้อพยพได้รับความช่วยเหลือมากขึ้นในอนาคต
เมียนมายันไม่ใช่ต้นเหตุปัญหา
ขณะที่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ได้เชิญนักการทูตจากประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ จีน อินเดีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ มาเลเซีย รวมทั้งไทย เข้าชี้แจงจุดยืนของพม่าต่อปัญหาชาวโรฮีนจาที่กำลังสร้างความเดือดร้อนให้กับประเทศต่างๆ โดย นายเย ตุท รัฐมนตรีสารนิเทศของเมียนมา กล่าวยืนยันว่าไม่ใช่ความผิดของเมียนมา และเสนอให้นานาชาติในภูมิภาคร่วมกันแก้ปัญหา อย่างไรก็ตาม เมียนมาไม่ได้ยืนยันว่าจะเข้าร่วมประชุมแก้ปัญหาโรฮีนจาตามคำเชิญของไทยหรือไม่
ฟิลิปปินส์พร้อมรับโรฮีนจา
ขณะที่ ชาร์ลส โฆเซ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ ให้สัมภาษณ์ต่อสถานีโทรทัศน์เอเอ็นซี ว่า รัฐบาลฟิลิปปินส์พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือแก่ผู้อพยพชาวโรฮีนจาและบังกลาเทศหลายพันคนซึ่งถูกทางการมาเลเซีย อินโดนีเซีย และไทย ผลักดันออกนอกน่านน้ำ ท่ามกลางเสียงตำหนิติเตียนอย่างรุนแรงจากองค์กรสิทธิมนุษยชนทั่วโลก โดยฟิลิปปินส์มีพันธะทางกฎหมายตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัยปี 1951 ที่จะต้องช่วยเหลือผู้อพยพเหล่านี้ ซึ่งส่วนใหญ่หนีการกวาดล้างออกมาจากเมียนมาร์ แต่ขณะนี้ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดของความช่วยเหลือที่รัฐบาลจะดำเนินการต่อไป