อย่างไรก็ตามมีสัญญาณบอกเหตุหลายประการ
นั่นคือปริมาณฮอร์โมนโปรเจสเทอโรนในร่างกายหลินฮุ่ยเพิ่มขึ้นเป็น 180 นาโนกรัมต่อมิลิกรัมครีเอทีนีน จากปกติควรมี 2-3 นาโนกรัมต่อมิลิกรัมครีเอทีนีน หากตั้งครรภ์จะมีสูงถึง 400 นาโนกรัมต่อมิลิกรัมครีเอทีนีน อาการดังกล่าวอาจจะเป็นการท้องเทียม เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดและอุลตราซาวด์อีกครั้งเร็วๆนี้
ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์กล่าวต่อว่า
จากการเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของหมีแพนด้าตลอด 24 ชั่วโมง พบว่าหลินฮุ่ย เริ่มไม่ปีนป่าย มีความระมัดระวังมากขึ้น ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ได้ทดลองอุลตราซาวด์เพื่อตรวจผลการตั้งครรภ์ พบว่ามีความไม่เหมือนกันในช่องท้องสองข้างของหลินฮุ่ยแต่ยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าเป็นอะไร ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้แยกช่วงช่วงกับหลินฮุ่ยไม่ให้อยู่ด้วยกัน