ยังไงกันล่ะ!!! เมียนมากล่าวหาไทย ต้นตอวิกฤตโรฮีนจา

ยังไงกันล่ะ!!! เมียนมากล่าวหาไทย ต้นตอวิกฤตโรฮีนจา

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 17 พ.ค. ว่า ทางการมาเลเซียระบุในถ้อยแถลงว่า นายอานิฟาห์ อามัน รมว.ต่างประเทศมาเลเซีย มีกำหนดหารือในประเด็นการหลั่งไหลเข้ามาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของผู้อพยพทางเรือ กับนายเรตโน มาร์ซูดี รมว.ต่างประเทศอินโดนีเซีย ที่เมืองโกตากินะบะลู ในรัฐบาซาร์ของมาเลเซียในวันจันทร์นี้ หลังจากนั้นจะพบกับ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รมว.ต่างประเทศของไทย คาดว่าอาจเป็นวันพุธ ขณะที่สื่อของทางการระบุว่า นายเอ เอช มาห์มูด อาลี รมว.ต่างประเทศบังกลาเทศ ได้เข้าพบหารือในเรื่องนี้กับนายอามันในวันอาทิตย์ (17 พ.ค.) ซึ่งเป็นการนัดหมายที่ถูกกำหนดมาก่อนหน้าจะมีวิกฤตการณ์นี้เกิดขึ้น สำนักข่าวเอพียังรายงานว่า พ.ต.ซอว์ ฮเตย์ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบประธานาธิบดีเมียนมา กล่าวว่า

 การที่เมียนมาจะเข้าร่วมในการหารือเรื่องผู้อพยพที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นในวันที่ 29 พ.ค. นี้ ขึ้นอยู่กับว่า "ประเด็น" คืออะไร ซึ่งรัฐบาลเนปิดอว์จะไม่เข้าร่วมหากยังยืนยันจะถกเถียงกันในประเด็น "ต้นตอของปัญหา" และมีการระบุคำว่า "โรฮีนจา" ในหมายเชิญครั้งนี้ พ.ต.ฮเตว์ ยืนกรานปฏิเสธข้อกล่าวหาจากหลายประเทศ ที่ชี้ว่าเมียนมาเป็นที่มาของปัญหาเหล่านี้ โดยเบี่ยงประเด็นพุ่งเป้ากล่าวหาไปที่ประเทศเพื่อนบ้าน และกล่าวโดยอ้างมุมมองทางมนุษยธรรมระบุว่า "ผู้อพยพเหล่านี้ ถูกผลักดันให้ออกเดินทางโดย "บาง" ประเทศอย่างมาเลเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่ให้ที่พักพิงแก่ชาวโรฮีนจากว่า 45,000 คน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ตอนนี้กลับบอกว่า "รับไม่ได้อีกแล้ว" เช่นเดียวกันกับไทยและอินโดนีเซีย" ด้านอดีตประธานาธิบดีซูซิโล บัมบัง ยูโดโยโน ของอินโดนีเซีย เรียกร้องให้รัฐบาลของทุกประเทศที่เกี่ยวข้องร่วมมือหาทางแก้ปัญหา และเลิกกล่าวโทษกัน เพราะชีวิตของผู้อพยพหลายร้อยคนคือเรื่องสำคัญที่สุดตอนนี้ มันไม่ยุติธรรมอย่างยิ่งที่จะกล่าวหาเพียงอินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย เพราะอย่างไรเสียเมียนมาและบังกลาเทศก็ปัดความรับผิดชอบในเรื่องนี้ไม่ได้ ขณะที่นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ผู้นำมาเลเซีย กล่าวเมื่อวันเสาร์ว่า ได้ขอความร่วมมือไปทางรัฐบาลเมียนมา เพื่อแก้ไขปัญหา ที่มีรากฐานมาจากภัยพิบัติด้านมนุษยธรรมในประเทศ ที่ชนกลุ่มน้อยมุสลิมชาวโรฮีนจา ต้องหลบหนีการกดขี่และแรงบีบคั้นจากสังคมเมียนมาที่นับถือศาสนาพุทธเป็นส่วนใหญ่."

 


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์