พ่อสุดมึนลูกชายคืนชีพ!! ตกเป็นข่าวกิ๊กเมียชาวบ้าน ทั้งที่ตายแล้ว!!

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 28 เม.ย. นายแทน สุภาสุ อายุ 70 ปี อยู่ บ้านกกชุมแสง ต.นาโป่ง อ.เมืองเลย พ่อของนายศักดิ์ดา สุภาสุ ที่เสียชีวิต พร้อมด้วยนายสีกา ภักมี อายุ 51 ปี พี่เขย นายมิตรชัย โสภารักษ์ อายุ 42 ปี ผู้ใหญ่บ้านกกชุมแสง ได้เดินทางมาพบนายทวี เสริมภักดีกุล นายอำเภอเมืองเลย จ.เลย ขอความเป็นธรรมกับลูกชายนายศักดิ์ดา ที่เสียชีวิตไปแล้ว ปรากฏว่าได้มีการอ้างอิงนำเสนอข่าวทางหนังสือพิมพ์ ทีวี ว่าลูกชายไปถูกทำร้ายจนเสียชีวิตที่จังหวัดอุดรธานี กรณีเรื่องชู้สาว

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 เม.ย. ที่ผ่านมา สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งว่านายศักดิ์ดา สุภาสุ อายุ 35 ปี อยู่หมู่ 10 ต.นาโป่ง อ.เมืองเลย จ.เลย ถูกนายวีรพงษ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี อยู่ ต.เสอเพลอ อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี สามีของนางศรีสุดา อายุ 39 ปี ใช้ท่อนไม้ตีที่บริเวณใบหน้าและศีรษะได้รับบาดเจ็บสาหัส ไปเสียชีวิตที่ รพ.ศูนย์อุดร สาเหตุมาจากผู้ตายเป็นกิ๊กกับเมียตัวเอง จนมีการนำเสนอข่าวทางหนังสือพิมพ์และทีวี

นายแทน บิดาของนายศักดิ์ดา สุภาสุ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองพร้อมญาติ เห็นข่าวแล้วแปลกใจและตกใจมาก ที่มีการนำเสนอข่าวภาพลูกชายถูกทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตที่จังหวัดอุดรธานี เนื่องจากนายศักดิ์ดา ลูกชายของตนเองได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถ เมื่อ ปี พ.ศ.2555 และมีการแจ้งการเสียชีวิตที่ว่าการอำเภอเมืองเลยไปแล้ว แต่จู่ๆ มีข่าวดังกล่าวเกิดขึ้น ตนเองและญาติเมื่อทราบข่าวรีบเช็คข้อมูล ปรากฎว่าคนที่เสียชีวิตที่อุดรฯ มีชื่อและใบหน้าจากบัตรประชาชน เป็นของลูกชายตนเองที่เสียชีวิตไปแล้ว ทำไมทาง จนท.ตร.ที่อุดรฯ ไม่มีการเช็คข้อมูลให้ดี ก่อนที่นำข้อมูลมาให้ทางสื่อที่ไปทำข่าว จนทำให้เสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูล ทางตำรวจอุดรฯเจ้าของคดี จะเรียกไปสอบก็พร้อมที่จะไปให้ข้อมูล ส่วนจะฟ้อง จนท.ตร. หรือไม่นั้น ขอปรึกษาญาติๆ ก่อน

นายสีกา พี่เขยของผู้ตาย เล่าว่า ก่อนที่ผู้ตายจะเสียชีวิตทางอุบัติเหตุ ประมาณ 5 ปี ที่ผ่านมา ผู้ตายได้ทำบัตรประชาชนหาย และได้มีการแจ้งความและทำบัตรใหม่ที่อำเภอเมืองเลย จนกระทั่งมาประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิต ตนเองก็รู้สึกแปลกใจ ที่น้องเขยที่ตายไปแล้ว คืนชีพขึ้นมาได้อย่างไร จากภาพข่าวหนังสือพิมพ์บางฉบับ พบว่าผู้ตายที่จังหวัดอุดรฯ มีรูปร่างใหญ่ ส่วนนายศักดิ์ดา น้องเขยของตน มีรูปร่างเล็ก ซึ่งต่างกันมาก

นายทวี เสริมภักดีกุล นายอำเภอเมืองเลย กล่าวว่า หลังได้รับการร้องเรียน ว่าผู้เสียชีวิตที่จังหวัดอุดรฯ และที่จังหวัดเลย มีชื่อซ้ำกันทั้งชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ และรูปใบหน้า และหลักฐานในหนังสือพิมพ์ที่นำเสนอข่าว จึงได้เรียกเจ้าหน้าที่ทะเบียนราษฎร์มาตรวจเช็คฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร ปรากฏว่ามีการแจ้งการตายและออกบัตรใบมรณะไปแล้วเมื่อปี 55 แต่ทำไมคนตายที่จังหวัดอุดรฯ เหมือนกับนายศักดิ์ดา ที่เสียชีวิตที่จ.เลย โดยผู้ตายได้ทำบัตรประชาชนหาย ก่อนประสบอุบัติเหตุทางรถจนเสียชีวิต แล้วมีคนเก็บบัตรประชาชนไปใช้หรือสวมบัตร แต่ทางอำเภอเมืองเลย เช็คข้อมูลรออกมารับรองว่าคนที่เสียชีวิตคือนายศักดิ์ดา สุภาสุ ที่อยู่จังหวัดเลย

จากการเช็คฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร พบว่ายังมีคนชื่อนายศักดา สุภาสุ อายุ 36 ปี อยู่ ต.ผาน้อย อ.วังสะพุง จ.เลย มีชื่อคล้ายคลึงกัน ส่วนนามสกุลเหมือนกัน เพียงแต่ชื่อผู้ตาย ลูกของนายแทนชื่อ "นายศักดิ์ดา สุภาสุ" ส่วนอีกคน คือ "นายศักดา สุภาสุ" มีการสะกดชื่อไม่เหมือนกัน จะมีส่วนการเกี่ยวข้องหรือเป็นผู้เสียชีวิตที่อุดรฯ หรือไม่นั้น ต้องให้ทาง จนท.ตร.เจ้าของคดี สืบสวนหาข้อเท็จจริง