ครบ1ปี กะเหรี่ยง ‘บิลลี่’ หายตัว ชะตากรรมชนกลุ่มน้อยไร้ที่ทำกิน

ครบ1ปี กะเหรี่ยง ‘บิลลี่’ หายตัว ชะตากรรมชนกลุ่มน้อยไร้ที่ทำกิน

17 เม.ย. 2558 ย้อน หลังกลับไปเมื่อบ่ายวันที่ 17 เม.ย.57 นายพอละจี รักจงเจริญ หรือ'บิลลี่'หนุ่มกะเหรี่ยงร่างเล็ก วัย 30 ปี ที่ผันตัวเองมาเป็น อบต.ห้วยแม่เพรียง และแกนนำนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนบ้านบางกลอย ขี่รถจักรยานยนต์คู่ใจ บรรทุกน้ำผึ้งป่าจำนวนหนึ่ง ลงมาจากบ้านบางกลอย มาถึงด่านเขามะเร็ว ต่อมาถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานควบคุมตัวไว้ ในข้อหามีน้ำผึ้งป่าไว้ในครอบครอง ก่อนที่เจ้าหน้าที่อุทยานประจำด่านเขามะเร็ว จะแจ้งให้ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติ (ในขณะนั้น) ก่อนที่นายชัยวัฒน์ พร้อมลูกน้องเดินทางมายังจุดที่ควบคุมตัว

ซึ่ง นายชัยวัฒน์ อ้างกับสื่อมวลชนว่า สาเหตุที่จับกุมตัวบิลลี่ เนื่องจากครอบครองน้ำผึ้งป่า ซึ่งเป็นสิ่งของผิดกฎหมาย แต่เห็นว่า น้ำผึ้งมีจำนวนไม่มาก จึงว่ากล่าวตักเตือนบิลลี่ และปล่อยตัวระหว่างทางก่อนถึงแยกหนองมะค่า

แต่หลังจากบิลลี่ถูกนายชัยวัฒน์ จับตัวไป นับจากวันนั้นมาจนถึงขณะนี้เกือบครบ 1 ปีเต็ม ยังไม่มีใครเห็นเขาอีกเลา

นายกระทง โชควิบูลย์ ผู้ใหญ่บ้านบางกลอย ตำบลห้วยแม่เพรียง อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ปัญหาเรื่องที่ดินทำกินและการขาดแคลนทรัพยากรของชาวบ้านบางกลอย มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะปู่คออี้นั้น เป็นครอบครัวใหญ่ที่มีสมาชิกส่วนมากเป็นคนแก่ เด็ก และคนป่วย มีสมาชิกรวมมากถึง 13 คน ขณะที่ลูกชายปู่คออี้รายหนึ่ง ป่วยเป็นอัมพาตและไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เต็มที่ ขณะที่ชาวบ้านส่วนมากต้องห่างไกลบ้านเพราะต้องไปรับจ้างในเมือง หรือรับจ้างคนหมู่บ้านอื่น เพื่อซื้อข้าวกิน ส่วนข้าวที่พี่น้องกะเหรี่่ยงภาคหนือช่วยบริจาคมานั้น เหลืออยู่ไม่มากและเก็บไว้ให้ปู่คออี้ เพราะเห็นว่ามีสมาชิกจำนวนมากและเป็นผู้อาวุโสที่ชาวบ้านนับถือ

"พวก เรากันเองมีกันเป็นร้อยคนก็จริง ใครมีแรงก็รับจ้างข้างนอก ใครมีไร่นาก็ไปทำ แม้ทำแล้วผลผลิตไม่ดี ก็ต้องทำ บางคนทำนา 1 ครั้งได้ข้าวไม่ถึง 4 ถัง ส่วนบางคนปลูกผักก็ถูกแมลงกินหมด จะหายา หาอะไรมาใช้รายได้ก็ไม่พอ ผมอาจจะโชคดี มีเงินเดือนประจำ แต่บางคนเขาไม่มี หรือมีแต่ก็ต้องเสียค่าน้ำมันรถ เสียค่าเช่าบ้าน เสียค่าใช้จ่ายหลายอย่างในเมือง บางคนก็ทอผ้า เย็บผ้า ได้ไม่กี่บาท แต่ก็แบ่งซื้อข้าว ผมเองยังต้องซื้อ แต่ลูกบ้านที่ฐานะเงินแย่ๆ เขาก็สู้กับความจนต่อไป ผมเคยถามปู่คออี้ว่าเป็นไงบ้าง แกบอกว่า ก่อนกินข้าวที่ได้รับจากคนอื่น ปู่จะสวดมนต์ อวยพรให้คนให้เขาเจริญๆ และขอให้เขาไม่ถูกรุกราน ปู่ถามเสมอว่า คนทางเหนือเขาแบ่งข้าวมา แล้วเขาพอกินไหม เขามีลูกไหม ถ้าไม่พอ ปู่ไม่อยากรับแล้ว ไม่อยากให้เขาช่วยเหลือมากนัก" นายกระทง กล่าว

ผู้ใหญ่ กระทง กล่าวว่า ขณะนี้ชุมชนกำลังร่วมกันเตรียมงาน 1 ปี การหายตัวไป ‘บิลลี่' ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 17 เม.ย.58 นี้ ที่ด่านมะเร็ว ตำบลห้วยแม่เพรียง เพื่อทำพิธีกรรมและระดมทุนช่วยเหลือครอบครัวบิลลี่ ซึ่่งขณะนี้ ภรรยาและลูกของเขาได้ย้ายออกมาจากบ้านป่าเด็ง มาอยู่ยังหมู่ที่ 6 แล้ว เพราะเกรงใจเจ้าของที่่ดิน และไม่มีพ่อบ้านคอยช่วยเหลือเรื่องการทำสวนเหมือนในอดีต ส่วนตัวแล้วเชื่อว่า ภรรยาบิลลี่ มีความตั้งใจจริงในการดูแลลูก และช่วยเหลือพี่น้องกะเหรี่ยงในทุกด้าน เว้นแค่การต่อสู้เพื่อสิทธิทำกินในที่ดินของพี่น้องนั้น คิดว่าไม่ใช่เรื่องง่าย และคงไม่ดีนักหากพี่น้องกะเหรี่ยงบางกลอยต้องรอรับของบริจาคตลอดไป

 


ครบ1ปี กะเหรี่ยง ‘บิลลี่’ หายตัว ชะตากรรมชนกลุ่มน้อยไร้ที่ทำกิน

ด้าน นางพิณนภา พฤกษาพรรณ หรือ มึนอ ภรรยาของบิลลี่ กล่าวว่า เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตนและลูกๆ ได้ไปเยี่ยมปู่คออี้ และถือโอกาสประชุมร่วมกับชาวบ้านบางกลอย ซึ่งทุกครั้งหน้าที่นี้เป็นของสามี แต่เมื่อเขาหายตัวไปนานเกือบปี ตนต้องทำหน้าที่แทน เพราะสามีเคยบอกไว้ว่า คนบางกลอยจะมีความสุข ต้องมีที่ทำมาหากิน และหากจะช่วยต้องช่วยทั้งหมด แต่ตนคงทำเฉพาะส่วนที่ทำได้ ส่วนใดที่ยากเกินจะทำก็ต้องยอมแพ้ ต่อจากนี้ ตั้งใจว่า จะสู้เพื่อพี่น้องให้มากที่สุดแล้วก็อยู่เพื่อลูก เดือนหน้าลูกคนที่ 4 จะเข้าโรงเรียนแล้ว ต้องมีอะไรมากมายที่จะทำ มันช้าไม่ได้ ทั้งนี้ สำหรับเหตุผลเรื่องการย้ายออกจากที่ดินเดิม ที่เคยอาศัยเขาอยู่นั้น แม้แรกๆ มีข่าวว่า เขื่อนจะมาสร้างและชาวบ้านต้องถูกเวนคืนนั้น ล่าสุด ชาวบ้านป่าเด็งยืนยันตรงกันว่าไม่มีใครเอาเขื่อน เรื่องเลยเงียบไป

"มี คนเขาถามเราว่า มาประชุมร่วมกับชาวบ้านนั้น มีค่าจ้างไหม ขนาดเป็นคนบ้านเดียวกันแท้ๆ ยังมีคนถามแบบนั้น เรายอมรับว่า น้อยใจเหมือนกันเวลามีคนมาถาม เพราะเราไม่มีอะไรจะพูดหรือตอบกลับ รู้แค่ว่า ถ้าพี่บิลลี่อยู่ เขามีความเข้มแข็งกว่าหนู แต่หนูก็จะทำต่อไป ไม่ได้หยุด แค่น้อยใจบางครั้งเท่านั้น เพียงแต่รู้ตัวว่าต้องทำต่อไป อย่างแรกเลยหนูดีใจมากเมื่อพวกเราต่อสู้เรื่องสิทธิกะเหรี่ยงแก่งกระจาน แล้วอุทยานยอมเปิดด่านให้เราเข้าออกง่ายขึ้นไม่เร่งรีบปิดด่านเหมือนก่อน แต่บางเรื่องก็เสียใจซ้ำๆ กับปัญหาเดิม เช่นเรื่องที่ดิน เรายังหาทางออกไม่ได้จริงๆ แต่ยังเชื่อว่ามีทางแก้ปัญหาอยู่" นางพิณนภา กล่าว

นาง พิณนภา กล่าวต่อว่า การประชุมล่าสุด พบว่า ชาวบ้านบางกลอยไม่มีที่ทำกิน ร่วมลงชื่อไว้กับตนมีทั้งหมด 56 ราย บางคนก็มีลูกหลายคนรับผิดชอบไม่ไหว ยิ่งไม่มีที่ดินทำกินด้วยแล้วยิ่งจนใหญ่ ส่วนครอบครัวตนนั้น แม้จะลำบากแต่ก็ยังมีทุนสำรองจากความช่วยเหลือของพี่น้องมาบ้าง ยังพอมีแรงทำงานต่อไป ทั้งนี้ ก่อนเทศกาลสงกรานต์ ก็เข้าไปหาแม่ของสามี และเยี่ยมปู่คออี้อยู่บ้าง ครั้งล่าสุด ตนและลูกพบปู่นอนพักที่บ้านแม่ของสามี เพียงลำพัง ทุกคนออกไปไร่หมด เหลือปู่อยู่คนเดียว มีอาการหน้ามืดลุกนั่งไม่ไหว ตาลาย และนิ่งไปสักพัก ตนบอกให้หลานพัดให้ หาน้ำมา

"ปู่ รู้สึกผิดที่ต้องมาแย่งที่อยู่ของคนโป่งลึกที่อยู่มาก่อน และไม่เข้าใจว่า ทำไมผู้นำระดับใหญ่ๆ เขาเลือกเอาชาวบ้านมาอยู่รวมกันแบบไม่มีอะไรให้ทำ หลายปีที่ผ่านมา ปู่เห็นชาวบ้านขัดแย้งกันมาบ่อยครั้ง ยอมรับว่าไม่สบายใจและรู้สึกผิดเหมือนกลายเป็นต้นตอปัญหาของคนดั้งเดิม ปู่ย้ำว่า อากาศที่บางกลอยล่างนั้น อย่างไรก็ไม่มีทางจะดีขึ้น น้ำก็ไกล ป่าก็ไม่สมบูรณ์เหมือนบางกลอยบน เพราะถ้าสมบูรณ์มาก อากาศจะไม่ร้อนขนาดนี้ และตอนนี้ปู่บอกว่าปู่เสียใจที่ล้มป่วยบ่อย และเป็นภาระลูกหลาน ปู่ไม่อยากเห็นชาวบ้านทะเลาะกันหรือขอที่ทำกินใคร"นางพิณนภากล่าว

นาง พิณนภา กล่าวและว่า ทุกวันนี้ชาวบ้านพยายามเสนอให้อุทยานแก่งกระจานจัดสรรที่ดินใหม่ใกล้แหล่ง น้ำใน 3 จุด คือ 1.ลำธารส่วนหน้าของบางกลอย 2.ห้วยโป่งลึก และ 3.ทางขึ้นไปบางกลอยบน ซึ่งคาดว่า จะได้รับความอนุเคราะห์ นอกจากเรื่องการต่อสู่้เพื่อที่ทำกินแล้ว ชาวบางกลอยคิดว่า ต้องเข้าไปมีส่วนร่วมเรื่องการเสนอพื้นที่ป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลกด้วย เพราะหากจะประกาศจริง ชาวบ้านต้องมีสิทธิอยู่อาศัยในพื้นที่มรดกโลกด้วย

อนึ่ง ในวันที่ 17 เม.ย.58 นี้ ทางเครือข่ายภาคประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมจัดงานร่วมใจปักหมุด "ที่นี่มีคนหาย" ร่วมกันจัดกิจกรรมรำลึก 1 ปี บิลลี่หายไป 11 ปี ทนายสมชาย ที่ด่านมะเร็ว ตำบลห้วยแม่เพรียง อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี จุดที่บิลลี่หายตัวไป ในเวลา 08.00 น.

โดย ภายในกิจกรรมมีทั้งการเดินเท้าโดยพร้อมเพรียงกัน ระหว่างผู้จัดงาน และกลุ่มชาติพันธุ์ จากหลายพื้นที่เข้าร่วมเดินปักหมุด เพื่อแสดงจุดยืนให้รัฐบาลไทยให้ความสนใจ และจริงใจในการเร่งจัดทำร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย หลังจากไทยเข้าเป็นภาคีและร่วมลงนามในอนุสัญญาระหว่างประเทศว่า ด้วยการคุ้มครองมิให้มีการบังคับให้บุคคลสูญหายขององค์การสหประชาชาติ

ส่วน ช่วงบ่าย ยังมีกิจกรรมที่ศูนย์วัฒนธรรมบ้านโป่งกระทิงบน จ.ราชบุรี โดยมีเวทีการพูดคุยถึงปัญหาการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก กลุ่มป่าแก่งกระจานของกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช


ขอบคุณข่าวจาก :: chaoprayanews

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์