เมื่อเด็กไม่มีสัญชาติไทยและไม่มีเงินป่วยหนัก แต่สิ่งที่รพ.นี้ทำ เล่นเอาน้ำตาซึม!!

เสียงจาก โรงพยาบาลอุ้มผาง ผมไม่อาจปล่อยให้เค้าตายได้ เป็นคุณคุณก็ปล่อยไม่ได้เหมือนกันนั่นแหละ

 

ที่ชายแดนไทย-พม่า เด็กกะเหรี่ยงคนหนึ่งลืมตาดูโลกด้วยมือหมอตำแย หมอเอาสายสิญจน์ผูกสายสะดือ พออายุได้ 7 วันเด็กก็ไข้ขึ้นชักเกร็ง เป็นบาดทะยักแต่แรกเกิด

 

คุณแม่หลังคลอดอุ้มลูกเดินเท้าจากฝั่งพม่ามา 4 ชม. ต่อรถโดยสารปุเลงๆ อีก 3 ชม.จนถึงหน้ารพ. ทั้งเด็กทั้งแม่ไม่มีบัตรประชาชนไทย

ถ้าเป็นรพ.เรา เราจะรับแม่ลูกไร้สัญชาติคู่นี้เข้ามารักษารึเปล่า

 

ที่อุ้มผาง เด็กถูกแอดมิทเข้าICU ทันที หลังจากยื้อชีวิตกันอยู่เกือบสามเดือน ทีมแพทย์ก็คืนเด็กน้อยกลับไปให้แม่ แต่ค่าซื้อชีวิตเด็กคนนี้ โรงพยาบาลจ่ายไปด้วยเงินหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท

เค้าว่ากันว่ารพ.อุ้มผางเป็นโรงทาน รักษาคนต่างชาติไม่เลือกหน้า มีคำถามตามหลังพฤติกรรมของชาวรพ.อุ้มผางอยู่มากมาย…

เราจะตามรักษาเด็กกะเหรี่ยง เด็กพม่าที่คลอดกับหมอตำแยทุกคน?

เราจะเอาเงินที่ไหนมาดูแลคนไร้รัฐ?

เราเอาภาษีคนไทยมาอุ้มคนชายขอบจะเหมาะสมหรือ?

แต่คำถามของคนโรงพยาบาลอุ้มผางธรรมดากว่านั้นมาก

คือ จะทำให้คนกลุ่มนี้ไม่ตายด้วยโรคง่ายๆที่ไม่สมควรตายเหล่านี้ได้อย่างไร

 

ทีมส่งเสริมของรพ.ฝึกหมอตำแยพื้นบ้านให้ทำคลอดแบบถูกวิธี แจกจ่ายเซตทำคลอดพร้อมใบมีดตัดสายสะดือที่ผ่านการสเตอริไรซ์แล้ว ต้นทุนเซตละ 95 บาท ด้วยงบบริจาคจากบริษัทเอกชน

ทุกวันนี้แทบไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนแรกคลอดกับเด็กกะเหรี่ยงอีกแล้ว และตอนนี้สุขศาลาข้ามแดนแห่งแรกก็เริ่มดำเนินงานเพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพง่ายๆ ไม่ให้ข้ามมาถึงรพ.

 

“ผมต้องไปดักไว้ ปล่อยมาให้ถึงรพ. เราจะไปรับมือไหวได้ยังไง”

หมอตุ่ย ผอ.รพ.อุ้มผางบอกเสียงดังฟังชัด

 

แล้วทำไมจะต้องไปรักษาคนพม่าน่ะเหรอ

 

“หนึ่ง ผมไม่อาจปล่อยให้เค้าตายได้ เป็นคุณคุณก็ปล่อยไม่ได้เหมือนกันนั่นแหละ

 

สอง ถ้าเค้าตายเฉยๆไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าเค้าเป็นโรคติดต่อร้ายแรงล่ะ ในพื้นที่ที่คนไทยคนพม่าคนกะเหรี่ยงอยู่ใกล้กันขนาดนี้ คุณจะให้ผมรักษาทีบี (วัณโรค) เฉพาะคนไทยที่มีบัตรประชาชนอย่างเดียว แล้วปล่อยให้วัณโรคดื้อยาในคนพม่ากระจายทั่วอำเภอได้เหรอ

 

ข้อสามนะ ผมถามจริงๆที่เราพัฒนาเศรษฐกิจรุ่งเรือง เก็บภาษีได้ขนาดนี้ ประเทศเราใช้แรงงานต่างด้าวกันเท่าไหร่ ที่บ้านหลังใหญ่ๆในกรุงเทพบ้านไหนบ้างที่ไม่มีแม่บ้าน คนใช้พม่า เราคืนอะไรให้เขาบ้าง ผมคิดว่าถ้าเราจะทำให้ภาพประเทศเราสวยงาม การจ่ายคืนด้วยบริการทางสังคมนี่ล่ะเป็นCSRระดับประเทศ”

ขอบคุณข่าวจาก :: thaiinfonet , เครดิตรูป ตากล้อง ออนทัวร์