ภูเขาบนเกาะ-แสนตัน ขยะล้นสมุย แฉโรงเผาเจ๊ง5ปี ที่ฝังกลบก็ทะลัก

ภูเขาบนเกาะ-แสนตัน ขยะล้นสมุย แฉโรงเผาเจ๊ง5ปี ที่ฝังกลบก็ทะลัก

ภูเขาบนเกาะ-แสนตัน ขยะล้นสมุย แฉโรงเผาเจ๊ง5ปี ที่ฝังกลบก็ทะลัก รบ.จี้ผู้ว่าฯเร่งแก้

ผู้ว่าฯ สุราษฎร์ฯ ลุยสมุย แก้ปัญหาขยะล้นเกาะ หลังรัฐบาลจี้ให้เร่งสางภายใน 1 เดือน เพื่อภาพลักษณ์เมืองท่องเที่ยว 


พบมีขยะสะสมมากกว่า 1 แสนตัน และมีเพิ่มขึ้นวันละ 300 ตัน จนเข้าขั้นวิกฤตเกรงน้ำเสียจะรั่วไหลลงแหล่งน้ำธรรมชาติ เหตุจากเตาเผาขยะเสียมานานกว่า 5 ปี เทศบาลนครเกาะสมุยแก้ปัญหาด้วยการให้บริษัทเอกชนบริหารจัดการ แต่กลับไม่ทำตามสัญญา เบื้องต้นแก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยให้ขนย้ายไปฝังกลบที่ฝั่งเมืองสุราษฎร์ ส่วนที่เกาะหลีเป๊ะก็วุ่น ถูกรีสอร์ตชื่อดังฟ้องขับไล่ อ้างสร้างบนที่ดินซึ่งครอบครองอยู่ ทั้งที่ขอกันพื้นที่ดังกล่าวมาใช้จากอุทยานฯ นานกว่า 26 ปีแล้ว

เมื่อวันที่ 6 เม.ย. นายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ ผวจ.สุราษฎร์ธานี ตรวจสอบเตาเผาขยะของเทศบาลนครเกาะสมุย (ทน.เกาะสมุย) อ.เกาะสมุย 

เพื่อแก้ไขปัญหาขยะสะสมที่มีอยู่กว่า 1 แสนตัน จนล้นเมืองขณะนี้ และ ยังมีขยะใหม่เข้ามาอีกวันละ 300 ตัน หลังรัฐบาลสั่งเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาขยะ บนเกาะสมุยภายใน 1 เดือน นายฉัตรป้องกล่าวว่า หลังจากที่ผ่านได้เดินทางลงมาตรวจสอบหลายครั้งแล้ว แต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ เพราะติดในเรื่องของสัญญาว่าจ้างระหว่างผู้รับเหมาก่อสร้างโรงงานกำจัดขยะที่ไม่สามารถดำเนินการตามข้อตกลงได้ แต่ไม่สามารถยกเลิกสัญญาได้เนื่องจากติดขัดในข้อกฎหมาย ซึ่ง ทน. เกาะสมุย สั่งระงับการก่อสร้างมานานกว่า 6 เดือนแล้ว และต้องปล่อยให้ขยะเข้ามากองไว้โดยไม่ได้กำจัด จนขณะนี้เกิดปัญหาขยะล้นเมือง

"จากการลงมาตรวจสอบในพื้นที่วันนี้ พบว่าปัญหาขยะของเกาะสมุยเข้าขั้นวิกฤตแล้ว ทางรัฐบาลได้มีหนังสือแจ้งมายังจังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้รีบดำเนินการแก้ไขปัญหาภายใน 1 เดือน หลังจากที่ทางเทศบาลนครสมุย สั่งระงับการดำเนินงานของบริษัท ผู้รับเหมาจนทำให้เกิดกลิ่นเหม็น ปัญหา น้ำเสียไหลลงแหล่งน้ำธรรมชาติ และหน้าฝนที่กำลังจะมาถึงนี้จะยิ่งสร้างปัญหามาก ยิ่งขึ้นอีก ทางจังหวัดสุราษฎร์ธานีจึงจะต้องเร่งแก้ปัญหาให้เสร็จสิ้น" ผวจ.สุราษฎร์ธานีกล่าว

นายฉัตรป้องกล่าวอีกว่า สำหรับการดำเนินการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าทางจังหวัดสุราษฎร์ธานี 

จะให้ดำเนินการขนย้ายขยะจากพื้นที่เกาะสมุยไปฝังกลบที่ตัวจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยจะให้ ทน.เกาะสมุย ดำเนินการหาผู้รับเหมาเข้ามาดำเนินการขนย้ายขยะที่มีอยู่กว่าแสนตันนี้ ในส่วนของบริษัทผู้รับจ้างเก่าซึ่งมีสัญญาอยู่จะต้องดำเนินการไปตามข้อผูกพันที่มีอยู่กับ ทน.เกาะสมุยต่อไป หากขยะดังกล่าวที่มีอยู่ไม่เร่งดำเนินการจะต้องส่งผลกระทบกับการท่องเที่ยว เนื่องจากขณะนี้พื้นที่บน อ.เกาะสมุย ไม่มีพื้นที่ให้ฝังกลบอีกแล้ว

ด้านนายรามเนตร ใจกว้าง นายกเทศ มนตรี ทน.เกาะสมุย กล่าวว่า ปัญหาของขยะที่พื้นที่ อ.เกาะสมุย

 เกิดขึ้นหลังจากที่เตาเผาขยะใช้งานไม่ได้มาแล้วกว่า 4-5 ปี ซึ่งต่อมาหาแนวทางที่จะแก้ปัญหาขยะในพื้นที่เกาะสมุย จนในที่สุดก็มาได้ว่าจ้างบริษัทที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหาแต่ในที่สุดพบว่าบริษัทดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาได้ตามข้อตกลง ประกอบกับพื้นที่การทิ้งขยะของสมุยที่มีอยู่ประมาณ 20 กว่าไร่ และอยู่บนที่สูงจึงได้สร้างปัญหามาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งขณะนี้หลายฝ่ายกำลังศึกษาเรื่องในเรื่องของข้อกฎหมายที่จะบอกเลิกสัญญากับทางบริษัทผู้รับจ้างอยู่

วันเดียวกันนายนิพนธ์ โชติบาล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ให้สัมภาษณ์ถึงการดำเนินคดีกับผู้บุกรุกพื้นที่บนเกาะหลีเป๊ะ ว่า 

ได้รับรายงานจากนายสมัคร ดอนนาปี ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ ว่าจากการเข้าไปตรวจพื้นที่อุทยานแห่งชาติตะรุเตา และเข้าไปตรวจสอบการบุกรุกเกาะหลีเป๊ะนั้น พบเรื่องที่น่าหนักใจอีกเรื่องคือ เวลานี้มีเอกชนคือ บันดาหยา รีสอร์ต ได้ฟ้องร้อง ไล่ที่ สภ.หลีเป๊ะ ให้รื้อถอนสถานีตำรวจออกจากพื้นที่ โดยอ้างว่า สร้างอยู่ในพื้นที่ของ รีสอร์ตดังกล่าว

นายนิพนธ์กล่าวว่า สิ่งที่กังวลคือเวลานี้คดีความต่างๆ ที่กรมอุทยานฯ 

ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษบรรดารีสอร์ตที่บุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติ บนเกาะหลีเป๊ะนั้นอยู่ที่สภ.หลีเป๊ะ ถึง 12 คดี ขณะเดียวกันตัวสถานีตำรวจเองกลับมาถูกเอกชนฟ้องร้องว่าบุกรุกพื้นที่เอกชน และฟ้องให้มีการรื้อถอน ซึ่งจากการตรวจสอบหลักฐานในเบื้องต้นพบว่า ก่อนหน้านี้ทางกรมตำรวจ หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติขณะนี้ ได้ทำเรื่องขอใช้พื้นที่กับ กรมป่าไม้เพื่อสร้างสถานีตำรวจ สำหรับดูแลความปลอดภัยกับประชาชนในเกาะหลีเป๊ะ และกรมป่าไม้ก็อนุญาตโดยกันพื้นที่ออกให้กับทางกรมตำรวจจำนวน 10 ไร่

"แต่ไปๆ มาๆ ไม่รู้ว่า รูปการณ์ออกมาเป็นสถานีตำรวจไปบุกรุกพื้นที่เอกชนได้อย่างไร ผมยังไม่เห็นในรายละเอียด แต่ทราบว่าเรื่องอยู่ระหว่างการฟ้องร้องกัน จึงได้สั่งการให้ผู้อำนวยการสำนักอุทยานฯ ดูรายละเอียดให้ดี หากมีข้อมูลอะไรเพื่อสนับสนุนการต่อสู้คดีก็ให้รีบดำเนินการ เพราะพื้นที่ซึ่งทางตำรวจใช้อยู่ก็เป็นพื้นที่ อุทยานฯ มาก่อน" อธิบดีกรมอุทยานแห่ง ชาติฯ กล่าว

วันเดียวกัน นายสมัครกล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า กรณีดังกล่าวถือเป็นเรื่องแปลก และไม่น่าจะเกิดขึ้น 

เพราะตามข้อมูลเอกสารที่มีอยู่ เมื่อพ.ศ.2532 กรมตำรวจในสมัยนั้น ทำหนังสือขอสร้างหน่วยบริการประชาชน สภ.เมืองสตูล ซึ่งกรมป่าไม้ในขณะนั้นได้ ให้ใช้พื้นที่ไปจำนวน 10 ไร่ และล้อมรั้วแสดงอาณาเขตไว้อย่างชัดเจน ต่อมาพบว่าบันดาหยา รีสอร์ต เข้าไปสร้างรีสอร์ตอยู่ข้างๆ และยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ทางสถานีตำรวจได้รื้อรั้ว ที่เคยล้อมเอาไว้ออก กระทั่งมีเกิดการฟ้องร้องกันขึ้น โดยทาง เอกชนอ้างว่าสถานีตำรวจบุกรุกพื้นที่ โดยอ้างเอกสารสิทธิ น.ส.3 ก. และฟ้องร้องให้สถานีตำรวจรื้อถอนออกไป

"ขณะนี้อยู่ระหว่างการฟ้องร้อง ผมได้ทำหนังสือรายงานไปยังอธิบดีกรมอุทยานฯ แล้ว ขณะเดียวกันก็อยู่ระหว่างหาเอกสารเพิ่มเติม ว่าเอกสารสิทธิที่ดิน ที่ทางรีสอร์ตเอามาอ้างนั้น มีที่มาที่ไปอย่างไร เพราะหลักฐานเดิมที่ทางกรมตำรวจขอใช้พื้นที่กับกรมป่าไม้นั้นมีอยู่แล้ว ผมก็กังวลเหมือนกัน เพราะเวลานี้กรมอุทยานฯ เข้าแจ้งความกับทางสภ.หลีเป๊ะแห่งนี้ เพื่อให้ดำเนินคดีกับเอกชน ที่บุกรุกพื้นที่เกาะหลีเป๊ะ อุทยานแห่งชาติตะรุเตา ถึง 12 คดี ด้วยกัน และคาดว่าในอนาคตจะยังมีอีกหลายคดีที่อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน" ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติกล่าว

นายสมัครกล่าวอีกว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ เนื่องจากน.ส.3 ก. มีการใช้พื้นที่ก่อนมีการประกาศเป็นพื้นที่อุทยานฯ 

ซึ่งจะให้เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบต้นฉบับ กับทางที่ดินจังหวัดสตูล คาดว่าไม่เกิน 1 สัปดาห์ จะทราบว่า น.ส.3 ก. ที่เอกชน ยื่นหลักฐานมานั้น ได้มาโดยมิชอบหรือไม่ หากได้มาโดยมิชอบ กรมอุทยานฯ จะดำเนินการเพิกถอนต่อไป รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่สำนักอุทยานแห่งชาติ นำโดยนายสมัครตรวจพบว่า พื้นที่อุทยานแห่งชาติตะรุเตา จ.สตูล มีนายทุนเข้าไปบุกรุกสร้างบ้านพักและรีสอร์ต บุกรุกโดยเฉพาะในเกาะหลีเป๊ะ ซึ่งเดิมทีเมื่อปี พ.ศ.2497 เกาะดังกล่าวอยู่ในเขตอุทยานทั้งหมด มีที่ราชพัสดุอยู่ 36 ตารางวาเท่านั้น

แต่ต่อมารัฐบาลจัดสรรที่ดินให้ชาว พื้นเมือง 40 ราย เป็นเนื้อที่ 257 ไร่ 

โดย ออกเอกสารสิทธิเป็น ส.ค.1 ต่อมามีผู้นำ ส.ค.1 ดังกล่าวไปออกเอกสารสิทธิ น.ส.3ก. จำนวน 129 ไร่ แต่เมื่อกรมอุทยานฯ เข้าไปตรวจสอบแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศและรังวัดที่ดินใหม่ พบว่า น.ส.3 ก. ดังกล่าวกลับมีที่ดินเพิ่มขึ้นในลักษณะที่เรียกว่า ส.ค. บวม เพิ่มขึ้นเป็น 334 ไร่

นอกจากนั้นยังพบว่าที่ดินบนเกาะหลีเป๊ะมีการซื้อขายกันในราคาที่สูงที่สุดในประเทศ ไทยเวลานี้ คือไร่ละ 20-35 ล้านบาท

 ขณะพบว่าพื้นที่รอบเกาะหลีเป๊ะ มีเอกชนเข้ามาครอบครองสร้างรีสอร์ตจำนวนมาก โดยล่าสุดกรมอุทยานฯ ร่วมกับกองทัพเรือภาค ที่ 3 เข้าตรวจสอบพบว่า มีเอกชนบุกรุก พื้นที่อุทยานฯ จึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.หลีเป๊ะ ให้ดำเนินคดีไปแล้ว 12 รายด้วยกัน 

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์