ค่าฝุ่นละอองควันพิษพุ่งพรวด แม่ฮ่องสอนถกด่วนกู้สถานการณ์

16 มี.ค.58 เมื่อเวลา 05.00 น. กรมควบคุมมลพิษ ได้เผยแพร่ผลการตรวจวัดค่าปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน

ที่เจือปนในอากาศในพื้นที่ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน โดยพบว่าค่าควันพิษเพิ่มสูงขึ้นถึง 304 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่าดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ 180 อยู่ในระดับอันตรายต่อสุขภาพอย่างรุนแรง นายจรัล เตชะสืบ ผอ.สถานีอุตุนิยมวิทยาแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ทัศนวิสัยในการมองเห็นวันนี้ เมื่อเวลา 07.00 น. ต่ำสุดวัดได้ 500 เมตร ซึ่งถือว่า ทัศนวิสัยเลวร้ายมากกว่าทุกวันที่ผ่าน โดยเมื่อวานนี้ในห้วงเวลาเดียวกัน วัดได้ 600 เมตร คาดว่าในวันนี้ ทัศนวิสัยดังกล่าว ซึ่งมาจากหมอกควันจะส่งผลกระทบต่อการบินต่อเนื่องไปอีก

จากสถานการณ์หมอกควันไฟป่าที่ยังคงเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ทั้งที่ได้มีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่และราษฎรในพื้นที่เข้าทำการดับไฟป่า ในจุดที่ดาวเทียมตรวจเจอ แต่ก็ทำได้ไม่มากนักเนื่องจากส่วนใหญ่จุดที่เกิดฮอทสปอต อยู่บนพื้นที่เทือกเขาสูงชัน จะสามารถดับได้ก็เฉพาะพื้นที่ต่ำตามเนินเขาใกล้หมู่บ้านเท่านั้น

ล่าสุด เมื่อค่ำวานนี้ แม่ทัพภาคที่ 3 ได้มีวิทยุคำสั่งด่วนถึงผู้ว่าราชการจังหวัดในภาพเหนือที่ประสบกับปัญหาหมอก ควันไฟป่า

ให้เข้าร่วมประชุมที่อาคารยอดทัพ ณ กองบัญชาการกองพลทหารราบที่ 7 ในเวลา 10.00 น.โดยในส่วนของจังหวัดแม่ฮ่องสอน คณะทำงาน ( วอร์รูม ) ทั้ง 7 อำเภอได้รับคำสั่งให้เข้าร่วมประชุมทั้งหมด ขณะที่บางจังหวัด ได้เน้นเฉพาะอำเภอที่มีปัญหาหมอกควันไฟป่าเท่านั้น

สถานการณ์หมอกควันไฟป่า ในแม่ฮ่องสอน ได้เลวร้ายมากขึ้นหลังจากที่สภาพอากาศในตอนกลางวัน ร้อนจัด

และมีการลอบเผาป่าอย่างหนักบริเวณรอยต่อระหว่างอำเภอปาย กับ อำเภอปางมะผ้า และ อำเภอเมือง ส่วนใหญ่จะเป็นการลอบเผาในพื้นที่เทือกเขาสูงชัน ห่างใกล้หมู่บ้านและชุมชน คาดว่าเป็นฝีมือของพวกหาของป่าและล่าสัตว์ป่า ที่มักจะออกไปล่าสัตว์ในพื้นที่ ที่มีสัตว์ป่าชุกชุม โดยมีการไปค้างแรมในป่าเป็นเวลาหลาย ๆ วัน

แหล่งข่าว เจ้าหน้าที่ระดับสูงของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ระบุว่า ค่าฝุ่นละอองที่สูงเกินมาตรฐาน จาก 120 ไมโครกรัม ฯ พุ่งสูงเกิน 300 ไมโครกรัม ฯ

ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน แสดงให้เห็นว่า ถึงแม้จะมีการพยายามฉีดพ่นฝองละอองน้ำอย่างหนักในห้วงเมื่อวานที่ผ่านมาตลอด ทั้งวัน แต่ก็ไม่ทำให้ฝุ่นละอองในอากาศลดน้อยลงแต่อย่างใด เนื่องจากปริมาณหมอกควันในอากาศมีมากเกินที่จะแก้ไขได้ ยกเว้นราษฎรทุกพื้นที่ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐด้วยการหยุดเผาป่าเท่านั้น จึงจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นดังเดิม