น่าน-กลุ่มอนุรักษ์ฯยังคงคัดค้านการขยาย ถนนจากน่านสู่ลาว ที่ต้องรื้อเส้นทางอุโมงค์ต้นไม้กว่า 800 เมตร เตรียมล่ารายชื่อส่งผู้ว่าฯ ขณะที่ผอ.แขวงฯ ยันเตรียมประชาพิจารณ์รอบ2 ไม่ฝืนเสียงปชช.ให้เว้นอุโมงค์ ก็จะเว้นไว้
จาก 9 เมตรเป็น 12 เมตร ซึ่งอยู่ในโครงการก่อสร้างขยายถนน 4 เลนของกรมทางหลวง ที่ตัดผ่านจังหวัดน่าน ไปออกสู่ถนนสายน่าน-ทุ่งช้าง มุ่งสู่ด่านห้วยโก๋น เชื่อมสู่ประเทศลาว เพื่อรองรับการสัญจรและโลจิสติกส์ ที่จะเพิ่มขึ้นเมื่อเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยเส้นทางดังกล่าวจะเป็นอีกเส้นทางหลักที่เชื่อมต่อเออีซี จากไทยสู่ลาว ในระยะทางไม่เกิน 200 กิโลเมตร แต่กระนั้นการการขยายถนนดังกล่าว จะต้องตัดหรือขนย้ายต้นไม้ใหญ่อายุหลายสิบปี บางต้นก็อายุร่วมร้อยปี จำนวนมาก
แผ่กิ่งก้านสาขามาปกคลุมถนน จนมองดูคล้ายอุโมงค์ เป็นระยะทางกว่า 800 เมตร ซึ่งถือเป็นจุดที่ควรอนุรักษ์และเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยว ให้เข้าสู่พื้นที่จังหวัดน่าน เมื่อโครงการขยายถนนจะต้องกระทบต่ออุโมงค์ต้อนไม้ดังกล่าว บรรดาประชาชนจังหวัดน่าน รวมทั้งนักอนุรักษ์ จึงได้มีกระแสการคัดค้านต่อต้านโครงการขยายถนนดังกล่าวจำนวนมาก
ได้ดำเนินการปรับปรุงพื้นที่ โดยมีการถอนต้นไม้ข้างทางไปบางส่วนแล้ว และมีการปรับหน้าดิน ในระยะทางครึ่งหลังระหว่าง หลัก กม.ที่ 17+300 ถึง หลักกม.ที่ 24+300 เป็นระยะทางกว่า 7 กิโลเมตร โดยยังไม่ได้มีการแตะต้องในพื้นที่ระหว่างหลัก กม.ที่ 13+300 ถึง กม.ที่ 14+300 ในช่วงที่เรียกว่าอุโมงค์ต้นไม้ หรืออุโมงค์ไม้สักดังกล่าว โดยหลังจากที่มีกระแสต่อต้าน ทางแขวงการทางน่านยังคงไม่มีการดำเนินการขยายถนนในช่วงอุโมงค์ต้นไม้ เพื่อรอการสรุปความชัดเจนกับภาคประชาชน แต่ก็ยังคงดำเนินการในช่วงถนนที่ต้นไม้ไม่หนาแน่นและไม่มีผลกระทบต่อชาวน่าน ต่อไป
โดยส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 90 ก็เห็นด้วยในการขยายถนน เนื่องจากจะสร้างประโยชน์ในการสัญจรและขนถ่ายสินค้า ลดความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ จากต้นเหตุคือถนนแคบและมีต้นใหญ่บดบังทัศนวิสัย ไม่เช่นนั้นโครงการดังกล่าวคงไม่เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม จนกระทั่งถูกคัดค้านดังกล่าว ซึ่งจะได้จมีการเชิญทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มอนุรักษ์ เข้าร่วมรับฟังความคิดเห็นและประชาพิจารณ์อีกครั้ง ภายใน วันที่ 18-19 มีนาคมนี้ เพื่อหาทางออกที่ชัดเจนร่วมกัน
เพราะอย่างไรก็ตามภาครัฐต้องฟังเสียงของประชาชนอยู่แล้ว แต่กระนั้นการเว้นช่วงอุโมงค์ต้นไม้ให้เป็น 2 เลนเช่นเดิม ในระยะทางร่วม 1 กิโลเมตร แน่นอนว่าจะต้องเกิดปัญหาคอขวด เกิดอาการสะดุดและติดขัดในการสัญจรอย่างแน่นอน เนื่องจากจุดอื่นๆบนถนนเส้นดังกล่าวจะถูกขยายเป็น 4 เลนหมดแล้วนายประชาญ กล่าว
ก็ได้คัดค้านการขยายถนนไปแล้ว เนื่องจากสเน่ห์เมืองน่านคือการอนุรักษ์วัฒนธรรม และธรรมชาติของป่าไม้ ความสมบูรณ์ ไม่ใช่ให้ความเจริญมาบดบัง ซึ่งคนส่วนมากในที่ประชุมก็ล้วนไม่ต้องการขยายถนน แต่การประชาพิจารณ์ดังกล่าวกลับเป็นแค่เวที ที่ภาครัฐนำเสนอข้อมูลฝ่ายเดียว จัดขึ้นเพื่อให้ครบตามระเบียบกระบวนการก่อนจะก่อสร้าง โดยไม่รับฟังประชาชน อ้างว่างบประมาณมาแล้วและแก้ไขแบบแปลนอะไรไม่ได้อีก และยังนำเอารายชื่อที่ลงทะเบียนหน้างานไปแอบอ้างกับบรรดานักอนุรักษ์และสื่อ มวลชนว่า ประชาชนเห็นด้วยทั้งหมด ทั้งที่ยังไม่มีข้อสรุปและประชาชนไม่ได้เห็นด้วยอย่างแท้จริง เห็นได้ว่าไม่บริสุทธิตั้งแต่ต้น
โดยให้สามารถขยายถนนได้จนถึงโคนต้นไม้ ในช่วงอุโมงค์แนวต้นไม้เก่าแก่ โดยไม่ตัดหรือทำลายต้นไม้ดังกล่าว ให้ต้นไม้เป็นแนวถนนไปในตัว ซึ่งเชื่อว่าศักยภาพและเทคโนโลยีปัจจุบันสามารถทำได้ แต่ทางเจ้าหน้าที่กรมทางหลวงกลับบอกเพียงว่า ผิดหลักวิศวกรรม จะต้องตัดหรือถอนต้นไม้ออกท่าเดียวนางสุภาพ กล่าว
และเส้นทางสายอุโมงค์ต้นไม้ที่ควรจะอนุรักษ์ไว้คู่เมืองน่าน โดยจะมีการรณรงค์ และล่ารายชื่อผู้ที่ไม่เห็นด้วยทั้งหมดโดยเฉพาะประชาชนจังหวัดน่าน ยื่นต่อผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน และสื่อมวลชน ซึ่งทั้งนี้ในปัจจุบันนอกจากชาวน่านเอง ก็ได้มีพันธมิตรผู้ที่ใส่ใจในด้านการอนุรักษ์ จากพื้นที่จังหวัดอื่นๆ โดยเฉพาะกลุ่มนักอนุรักษ์ รวมทั้งดารานักแสดง ก็ให้ความสนใจและแสดงความคิดเห็นผ่านโลกอินเตอร์เน็ตในเชิงต่อต้านการขยาย ถนนบริเวณอุโมงค์ต้นไม้ดังกล่าว จำนวนมาก