เปิดใจ"สาวไทย"ที่โพสต์โชว์แผลบาดเจ็บทั้งตัว หลังทะเลาะกับสามีมาเลย์
โดนสามีทำร้ายที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมโพสต์ภาพตัวเองร้องไห้ ตามเนื้อตัวมีบาดแผลฟกช้ำทั่วร่างกายหลายแห่ง โดยระบุข้อความว่า “ช่วยนู๋ด้วยค่ะ นู๋โดนสามีทำร้าย ตำรวจมาตรวจที่เกิดเหตุ แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะนู๋พูดภาษาไม่ได้”
อาศัยอยู่ที่เมืองอีโปห์ เมืองหลวงของรัฐเประ ประเทศมาเลเซีย อยู่ห่างจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ประมาณ 200 ก.ม. โดยน.ส.ประภัสสรกล่าวว่า เป็นคนในภาพที่โพสต์ว่าโดนสามีชาวมาเลย์ทำร้ายจริง เริ่มจากตนแต่งงานอยู่กินกับสามีชาวมาเลย์ ซึ่งเป็นเจ้าของอู่ซ่อมรถอยู่ที่เมืองอิโปห์เมื่อ 6 ปีก่อน จนมีลูกสาวด้วยกัน 1 คน ตอนนี้อายุ 4 ขวบแล้ว
จนกระทั่งเมื่อคืนวันเสาร์ที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมาเกิดมีปากเสียงกับสามี เพราะเรื่องที่สามีชอบไปเที่ยวกลางคืน ก่อนเกิดเหตุนั่งรถไปด้วยกัน โดยสามีเป็นคนขับ กระทั่งมีปากเสียงกันขึ้นในรถ และเถียงกันรุนแรงมากจนถึงขั้นลงไม้ลงมือกัน
ส่วนตนก็พักฟื้นตามลำพัง จะคุยกับใครก็ไม่ได้ เพราะพูดภาษามาเลย์ไม่ได้ เลยโพสต์เรื่องนี้ในเพจของกลุ่มแม่บ้านชาวไทยในมาเลย์ จากนั้นก็มีเพื่อนๆ คนไทยทราบเรื่องก็มาเยี่ยม เอาหยูกยามาให้ มาอยู่เป็นเพื่อน มีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานแรงงานที่กัวลาลัมเปอร์ก็ติดต่อสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้น เข้ามาช่วยเหลือเบื้องต้น นอกจากนี้ตนได้ประสานไปทางมูลนิธิเพื่อนหญิง เพื่อปรึกษาเรื่องดังกล่าว เบื้องต้นตนตัดสินใจเลิกราเด็ดขาด และเมื่อรักษาตัวดีขึ้นแล้วก็จะเดินทางกลับเมืองไทยทันที
เปิดใจสาวไทยที่โพสต์โชว์แผลบาดเจ็บทั้งตัว หลังทะเลาะกับสามีมาเลย์
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอื่นๆ เปิดใจสาวไทยที่โพสต์โชว์แผลบาดเจ็บทั้งตัว หลังทะเลาะกับสามีมาเลย์
เป็นเรื่องสะเทือนใจรับวันสตรีสากล หลังจากที่มีการเสนอข่าวเรื่องราวผู้หญิงไทยคนหนึ่ง
ต่อมาข่าวสดได้ติดตามจนพบตัวหญิงสาวรายนี้คือน.ส.ประภัสสร พันธุ์จ่อย อายุ 29 ปี
น.ส.ประภัสสรกล่าวว่า ตนมีอาชีพเป็นพีอาร์สถานบันเทิงแห่งหนึ่งในเมือง ซึ่งชีวิตก็อยู่มาอย่างปกติดี
“ตอนนั้นรถจอดอยู่ข้างถนนหนูเปิดประตูก้าวขาลงจากรถ เป็นจังหวะที่สามีโมโหเร่งเครื่องขับออกไปพอดี ทำให้หนูกระเด็นกลิ้งไปกับถนนจนมีแผลทั้งตัว เลือดเปรอะไปหมด ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ก็เข้ามาช่วย แต่สามีกลับไล่ไปจนหมด บอกว่าเป็นเรื่องภายในครอบครัว” น.ส.ประภัสสรกล่าว และว่า ช่วงนั้นสามีโทร.เรียกเพื่อน 4-5 คนซึ่งเป็นพวกปล่อยเงินกู้มาที่เกิดเหตุ จากนั้นก็มีตำรวจสายตรวจมาเช่นกัน เข้าใจว่าคงมีชาวบ้านโทร.แจ้งตำรวจ
“ตำรวจมาถึงก็ขอตรวจไอดีการ์ด ตรวจพาสปอร์ต ช่วงนั้นสามีกับเพื่อนๆ ก็เข้าไปคุยกับตำรวจ บอกว่าเป็นอุบัติเหตุ สักพักตำรวจก็กลับไป ส่วนสามีก็ให้เพื่อนพาหนูไปหาหมอที่คลินิกแห่งหนึ่ง หมอก็ทำแผลปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ จ่ายยามาให้กิน แล้วก็ให้กลับไปพักฟื้นที่บ้าน แต่ผ่านไปหลายวันหนูยังระบมไปทั้งตัว ตอนนี้ยังเดินเหินไม่ค่อยได้ ต้องนอนอยู่บ้านเฉยๆ” น.ส.ประภัสสรกล่าว
น.ส.ประภัสสรกล่าวต่อว่าหลังเกิดเหตุวันนั้นสามีก็เก็บข้าวของกลับไปอยู่บ้านแม่
“ตอนนี้ตัดสินใจแล้วว่าต้องเลิกรากับสามีแน่นอนเพราะทนไม่ได้ที่ทำรุนแรงขนาดนี้ส่วนลูกสาววัย 4 ขวบคงเอากลับเมืองไทยไม่ได้ เพราะเด็กเกิดที่มาเลย์ เป็นสัญชาติมาเลย์ และทางฝ่ายนั้นคงไม่ยอมให้เอาลูกกลับด้วย คาดไม่ถึงว่าจะเจอกับเรื่องแบบนี้ หวังว่าจะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือเรื่องเดินทางกลับไทย เพราะอยู่ที่นี่ตอนนี้ก็เหมือนตัวคนเดียว พูดหรือติดต่อกับใครไม่ได้ ต้องอาศัยเพื่อนคนไทยที่ไปเยี่ยมช่วยเหลือดูแลเท่านั้น” น.ส.ประภัสสรกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเรื่องนายไพศาล ณ สงขลา (เฟซบุ๊ก Sarn N. Songkhla) เจ้าหน้าที่สำนักงานแรงงาน ประจำสถานทูตไทยประจำกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ได้ติดต่อให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว