จากกรณีที่ นายพิเชฏฐ์ กุลละวณิชย์ อายุ 55 ปี บุตรชายของ พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรี นำหลักฐานเอกสารไปร้องเรียนกับสื่อมวลชน เกี่ยวกับปัญหาภายในครอบครัว "กุลละวณิชย์" โดยระบุว่า ถูกกีดกันไม่ให้พบบิดา และถูกยื่นฟ้องในข้อหาละเมิดห้ามเข้าไปในสถานที่ที่บิดาปฏิบัติหน้าที่ ก่อน พล.อ.จรัล กุลละวณิชย์ อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) น้องชาย พล.อ.พิจิตร จะมาแถลงโต้กลับว่า 40 กว่าปีที่ผ่านมา นายพิเชฏฐ์ไม่เคยกลับมาดูแลพ่อ และถูกตัดขาดจากตระกูล ′กุลละวณิชย์′ ไปแล้ว เพราะสนใจเรื่องเงินมากกว่าชีวิตของพ่อตามที่มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด วันนี้ (7 ก.พ.) นายบรรลือ กุลละวณิชย์ สมาชิกสภาเมืองพัทยา ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องคนสนิทของ พล.อ.พิจิตร ได้เปิดแถลงข่าวความคืบหน้าหลังจาก เป็นกระแสข่าวที่กาสะลอง รีสอร์ท แอนด์ สปา พัทยา 258/11-12, 258/39 ม.2 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยมี พล.อ.พิจิตร พร้อม พ.อ.หญิง คุณหญิงวิมล กุลละวณิชย์ ภริยา และนายทหารคนสนิท ร่วมพูดคุยกับสื่อมวลชน
โดยพล.อ.พิจิตร มาในชุดเสื้อสีเหลืองตราสัญลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมกล่าวกับสื่อมวลชนว่า "ขอบคุณที่มาให้กำลังใจ เหมือนมาช่วยต่ออายุไปอีก 1-2 ปี ผมอายุมากแล้ว อยู่ได้ทุกวันนี้เพราะมีคนมาช่วยยืดเวลา การที่มีอายุยืนยาวได้นั้นเพราะมิตรสหายพยายามช่วยต่ออายุให้เรา ผมได้เริ่มคิดเรื่องนี้มา 20 ปีแล้ว ตอนอายุ 60 เราคิดว่าจะอยู่ได้อีกกี่ปี เพราะการมีอายุยืนยาวได้ต้องอาศัยบุญ คิดว่าจะอยู่ได้นานเท่าไร แต่ก็อยู่ได้มาถึง 80 "
และว่า "ปัจจุบันออกกำลังกายในช่วงเช้าของทุกวันด้วยการเดิน ประมาณ 3-4 กม. ใช้เวลาออกกำลังกายครึ่งชั่วโมง ยังคิดถึงน้องๆ ทหารทุกคน เพราะเคยฝึกแรงเจอร์มีน้องๆ ทหารมากมาย ขอให้ทุกคนมีจิตใจมั่นคงและประกอบคุณงามความดีที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองและแผ่นดิน"
จากนั้น พล.อ.พิจิตร ได้ชู 2 นิ้ว ก่อนจะตั้งการ์ดนักมวย และถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกับผู้สื่อข่าวที่มา นอกจากนั้นยังร้องเพลง "พานเกเร" โชว์ลูกคอกับผู้สื่อข่าวอีกด้วย
ด้านนายบรรลือ เผยว่า พล.อ.พิจิตร มาพักผ่อนตากอากาศในเมืองพัทยาได้ประมาณ 2 เดือนแล้ว โดยจะไปกรุงเทพฯ ในทุกวันอังคารเพราะมีการประชุมองคมนตรี และจะไปตรวจร่างกายตามแพทย์นัดที่โรงพยาบาลพระมงกุฏฯ ซึ่งล่าสุดแพทย์วินิจฉัยว่าไม่มีโรคใดแทรกซ้อน ไม่มีอาการป่วย เป็นไปตามความชราภาพ แต่ที่ลูกสะบ้าหัวเข่าซ้ายมีปัญหา แต่ก็ได้รับการผ่าตัดจนมีอาการดีขึ้น แต่ก็ยังเดินนานไม่ได้ เพราะจะมีอาการปวดเมื่อย และวันจันทร์ (9 ก.พ.) ก็จะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อร่วมประชุมองคมนตรีในวันอังคารที่จะถึงนี้ด้วย
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.พิจิตร ไม่ได้พูดถึงกรณีเงินสดในบัญชีเกือบ 12 ล้านบาทนั้น พล.อ.พิจิตร ไม่ได้กล่าวถึงแต่อย่างใด
อนึ่ง พล.อ.พิจิตร เกิดเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2475 ที่จังหวัดฉะเชิงเทราเป็นบุตรคนโต มีพี่น้องรวม 7 คน เมื่อศึกษาจบการศึกษาจากโรงเรียนไตรมิตรวิทยาลัยและโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย จึงสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้ารุ่นที่ 2 (จปร. 2)
ขณะที่เรียนอยู่ปีที่ 2 นั้นมีผลการเรียนดีเด่นมาก จึงถูกส่งตัวไปเรียนต่อที่โรงเรียนนายร้อยเวสต์ปอยต์ประเทศสหรัฐอเมริกา และสำเร็จการศึกษาต่อมาในปี พ.ศ. 2501 จากนั้นก็ไปเรียนต่อที่โรงเรียนทหารราบสหรัฐฯ ฟอร์ดแบบนิ่ง รัฐจอร์เจียในหลักสูตรผู้บังคับหมวด, หลักสูตรจู่โจม RANGER และหลักสูตรโดดร่ม AIRBONE
เมื่อกลับมาได้เริ่มรับราชการครั้งแรกเป็นครูอยู่แผนกวิชาการรบพิเศษและส่ง ทางอากาศ โรงเรียนทหารราบศูนย์การทหารราบลพบุรี ทำหน้าที่ฝึกสอนนายทหารและนายสิบในหลักสูตรจู่โจมและโดดร่มหลาย รุ่น ในการสอนนักเรียนจู่โจม ระหว่างการฝึกเข้าตี แทงดาบ หรือ เลิกแถว จะกำหนดให้นักเรียนทหาร ร้องคำว่า "เอี้ย" เป็นสัญลักษณ์การคำรามของเสือก่อนการจู่โจม ทำให้ได้รับสมญานามว่า "เสือใหญ่" เช่นเดียวกับสัญลักษณ์ของหน่วยจู่โจม มาตั้งแต่นั้น จึงทำให้ในปัจจุบันสื่อมวลชนจึงนิยมเรียกชื่อท่านเล่น ๆ ว่า "บิ๊กเสือ"
ด้วยผลงานเพื่อบ้านเมืองอันโดดเด่นจึงได้เลื่อนไปปฏิบัติหน้าที่ที่มีความของกองทัพอย่างมากมาย ทั้งผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์,แม่ทัพภาคที่ 1, ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก, รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด, รองปลัดกระทรวงกลาโหม, รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด, องคมนตรี, กรรมการบริหารมูลนิธิอานันทมหิดลและที่ปรึกษาพิเศษขององค์ประธานสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์จนถึงปัจจุบัน
พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ ปรากฎตัวสยบข่าวลือ ชูกำปั้น ยังสบายดี
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอื่นๆ พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ ปรากฎตัวสยบข่าวลือ ชูกำปั้น ยังสบายดี