ตร.บุกจับร้านซูชิ-สยิวที่พัทยาแล้ว เอ็นจีโอจวกยับ

ตร.บุกจับร้านซูชิ-สยิวที่พัทยาแล้ว เอ็นจีโอจวกยับ

ตร.บุกจับร้าน"ซูชิ-สยิว"ที่พัทยาแล้ว เอ็นจีโอจวกยับเสิร์ฟอาหารบนร่างเปลือยหญิงสาว

 จากกรณีในโลกออนไลน์เผยแพร่ภาพร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่งในพัทยาเปิดเมนูพิสดาร“ซูชิเปลือย”

โดยให้หญิงสาวเปลือยกายนอนบนโต๊ะอาหาร แล้วนำซูชิไปวางบนร่างเปลือยเปล่า เพื่อเสิร์ฟลูกค้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ โดยมีการเผยแพร่ทั้งที่เป็นคลิปและภาพนิ่ง ซึ่งคนส่วนใหญ่เห็นว่าไม่เหมาะสม โดยเฉพาะประเด็นที่ใช้หญิงสาวเปลือยไปนอนบนโต๊ะราวกับเป็นสินค้าวัตถุทางเพศ อีกทั้งทำให้คนต่างชาติมองหญิงไทยในแง่ลบ และในทางที่ไม่เหมาะสม

ล่าสุดเวลา14.00 น.วันที่ 5 ก.พ. พ.ต.อ.สุขทัศน์ พุ่มพันธ์ม่วง ผกก.สภ.พัทยา จ.ชลบุรี

พร้อมด้วยนายประพันธ์ ประทุมชมพู ปลัดอำเภอบางละมุง พ.ต.ท.รัชทพงศ์ เตี้ยสุด รอง ผกก.ตม.จว.ชลบุรี พ.ต.ต.ปิยะพงษ์ เอนสาร สว.ส.ทท.4 กก.2 บก.ทท. และ ร.ต.ชุติเดช สิงห์ทอง รองหัวหน้าชุดควบคุมพื้นที่ อ.บางละมุง มณฑลทหารบกที่ 14 สนธิกำลังตำรวจ-ฝ่ายปกครอง-ทหาร-ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา เข้าตรวจสอบร้านโตเกียวคิดส์ เจแปน เรสเตอร์รอง ซึ่งเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่ปรากฏในภาพโฆษณา พบว่าวันนี้ร้านดังกล่าวไม่เปิดให้บริการ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวและเรียกคนจากด้านในให้มาเปิดประตู

 ต่อมานายอภิชาติวงศ์สุริยะอายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 56 หมู่ 12 ต.ท่าลี่ อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ผู้ดูแลร้าน เป็นผู้เปิดประตูให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ
 
จึงควบคุมตัวไว้พร้อมเข้าตรวจสอบ โดยสถานที่ดังกล่าวเป็นบ้านชั้นเดียว ภายในมีเคานต์เตอร์เครื่องดื่ม ห้องคาราโอเกะ และห้องรับประทานอาหารที่มีโต๊ะลักษณะดัดแปลงเป็นเตียงนอนไว้สำหรับโชว์หวิว แต่ไม่พบตัวเจ้าของร้านและหญิงสาวที่ปรากฏในภาพโฆษณา เบื้องต้นจึงได้ยึดเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิด และบิลเงินสดที่มีข้อมูลการจำหน่ายค่าอาหารและเครื่องดื่มให้กับลูกค้าเมื่อค่ำคืนวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมาไว้เป็นหลักฐาน

สอบปากคำนายอภิชาติให้การว่าร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งนี้มีนายเจสัน(ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง) อายุประมาณ 60 ปี ชาวออสเตรเลีย เป็นเจ้าของ

และเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2554 ซึ่งปกตินานๆ ครั้งนายเจสันถึงจะเข้ามาที่ร้านสักที และยอมรับว่าที่ร้านมีเมนูซูชิสุดพิเศษไว้คอยให้บริการลูกค้าจริง โดยส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้ากรุ๊ปทัวร์ชาวจีนและเกาหลี ซึ่งจะคิดราคาค่าอาหาร 5,000 บาทต่อคน และมีรายได้ประมาณ 1-2 หมื่นบาทต่อวัน ส่วนหญิงสาวที่นำมาเปลือยกายโชว์เรือนร่างแทนจานรองซูชิ ไม่ได้เป็นพนักงานประจำของร้าน หากวันไหนลูกค้ามาจัดปาร์ตี้ ก็จะโทรศัพท์เรียกตัวมาทำงานคราวละ 2-3 คน และให้ค่าตอบแทนจำนวน 2,000 บาทต่อคน กระทั่งเมื่อช่วงเช้าวันนี้นายเจสันโทรศัพท์มาบอกว่าไม่ต้องเปิดร้าน เพราะกลัวถูกจับเนื่องจากร้านของตัวเองถูกกระแสต่อต้านจากสังคมกรณีเมนูซูชิเปลือยดังกล่าว

พ.ต.อ.สุขทัศน์เผยว่ากรณีดังกล่าวทำให้ชาวต่างชาติมองหญิงไทยและภาพลักษณ์ของเมืองพัทยาไปในทางที่เสื่อมเสีย

ทางผู้บังคับบัญชาจึงสั่งการให้รีบดำเนินการอย่างเร่งด่วน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าร้านอาหารดังกล่าวไม่มีใบอนุญาตประกอบการและใบอนุญาตจำหน่ายสุรา เบื้องต้นจึงได้ควบคุมตัวนายอภิชาติไปสอบปากคำเพิ่มเติม ก่อนขยายผลติดตามจับกุมเจ้าของร้านและหญิงสาวที่ปรากฏในภาพมาดำเนินคดี ในข้อหากระทำการอันควรขายหน้าต่อหน้าธารกำนัลโดยเปลือยหรือเปิดเผยร่างกาย หรือกระทำการลามกอย่างอื่น

 ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับบริการ “ซูชิเปลือย” หรือ “เนียวตาโมริ” เป็นการเสิร์ฟซูชิแบบหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น
 
โดยจะใช้สาวเปลือย หรือ “นางแบบเนียวตาโมริ” แทนจานรองซูชิ และมีชิ้นซูชิวางอยู่บนใบไม้ที่ใช้รอง เพื่อไม่ให้ซูชิสัมผัสกับเนื้อตัวของหญิงสาวโดยตรง ซึ่งนอกจากผู้เข้ามารับประทานก็จะได้ลิ้มรสความอร่อยของซูชิแล้ว ยังได้ประสบการณ์วาบหวิวของจานรองซูชิที่สวยระดับนางแบบอีกด้วย

ตร.บุกจับร้านซูชิ-สยิวที่พัทยาแล้ว เอ็นจีโอจวกยับ

 ด้านน.ส.สุเพ็ญศรีพึ่งโคกสูงหัวหน้าศูนย์ส่งเสริมความเสมอภาค และอนุกรรมการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน
 
ด้านเด็ก สตรี และความเสมอภาคของบุคคล กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ถือเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของผู้หญิง และละเมิดสิทธิความเป็นมนุษย์ของผู้หญิง เมื่อเป็นร้านอาหารก็ควรนำเสนอที่รสชาติหรือจัดสถานที่ให้สะดวกสบาย ปลอดภัย และถูกสุขลักษณะ แต่กลับมองผู้หญิงเป็นเพศพาณิชย์ คิดแต่จะดึงดูดลูกค้าไปซื้อบริการ โดยไม่นึกถึงหลักศีลธรรม

น.ส.สุเพ็ญศรีกล่าวต่อว่าอยากให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องตรวจสอบว่า
 
การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายผิดกฎหมายอาญา ข้อหากระทำอนาจารหรือไม่ ถ้าผิดจริงก็ต้องดำเนินการทางกฎหมายให้เป็นเยี่ยงอย่าง สำหรับประชาชนที่เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ควรจะร่วมกันบอยคอตและต่อต้านร้านดังกล่าวที่กระทำเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของผู้หญิง เพื่อไม่ให้ประพฤติเช่นนี้อีก  


 นางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช นายกสมาคมเสริมสร้างครอบครัวให้อบอุ่นและเป็นสุข และอดีตส.ว.ขอนแก่นกล่าวว่า
 
สังคมเราขณะนี้จะทำอะไรมักเอาเรื่องเพศเป็นตัวนำ แม้กระทั่งอาหารที่รับประทานยังต้องใช้เรื่องเพศมาเกี่ยวข้อง ส่วนตัวคิดว่าเป็นเรื่องไม่สมควรอย่างยิ่ง ทำให้วัฒนธรรมที่งดงามของผู้หญิงไทยเสื่อมลง กลายเป็นคนไม่รักนวลสงวนตัว เห็นแก่เงิน เสื่อมเสียศักดิ์ศรีความเป็นผู้หญิงที่อนาคตอาจต้องเป็นภรรยาหรือแม่ของลูก 

 “เราเรียกร้องความเสมอภาคระหว่างผู้หญิงกับชายเรียกร้องการยอมรับจากสังคมที่อยากให้เห็นความสามารถของผู้หญิงแต่ผู้หญิงเรากำลังทำลายตัวเอง ทำลายความงดงามของผู้หญิง ทำให้ผู้ชายดูถูกเรามากขึ้นกว่าเดิม อยากให้ผู้หญิงทุกคนคิดก่อนทำให้มากกว่านี้” นางระเบียบรัตน์กล่าว

 นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกลกล่าวว่า เป็นการกระทำที่ไม่สร้างสรรค์สังคม

ผู้หญิงกลายเป็นเหยื่อของการโฆษณา ทำให้ภาพลักษณ์ของผู้หญิงดูไม่ดีและลดทอนคุณค่าของตัวเอง ที่สำคัญอาจมีเยาวชนนำไปเลียนแบบและเกิดผลกระทบตามมา สังคมควรต้องวิพากษ์วิจารณ์และห้ามปรามกัน ไม่ควรใช้ผู้หญิงมาเป็นวัตถุทางเพศ แต่ต้องส่งเสริมให้ผู้หญิงแสดงออกในเชิงสร้างสรรค์ แสดงศักยภาพด้านความรู้ความสามารถ การกระทำดังกล่าวยังมีแนวโน้มว่าเป็นการอนาจาร อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปจัดการกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์