รวบกระเทยแสบ ตุ๋นหนุ่มญี่ปุ่นนับร้อยราย

วันที่ 28 ม.ค. พ.ต.อ.สรายุทธ สงวนโภคัย รอง ผบก.ป. และ พ.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รรท.ผกก.ปพ.บก.ป. พร้อมชุดสืบสวน กก.ปพ.บก.ป. ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายอุทัย นันทะขันธ์ อายุ 40 ปี สาวประเภทสอง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 2455/2548 ลงวันที่ 29 พ.ย. 2548 ในข้อหา "ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธมีด หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น และใช้บัตรเครดิตของผู้อื่นโดยมิชอบ" โดยจับกุมได้ภายในห้องพักที่ราชครูอพาร์ทเม้นท์ ซอยสุขุมวิท 93 แขวงบางจาก เขตพระโขนง ทั้งนี้สืบเนื่องจากสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยได้ประสานมายังตำรวจกองปราบปราม ให้ช่วยติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหารายนี้ ซึ่งมีพฤติการณ์ทำทีตีสนิทชาวญี่ปุ่น แล้วใช้อาวุธมีดจี้พาไปกักขัง ก่อนบังคับเอาบัตรเอทีเอ็มเหยื่อไปกดเงินสด นอกจากนี้ยังต้มตุ๋นหลอกลวงเหยื่ออีกประมาณ 54 ราย โดยจะเลือกเหยื่อเป็นนักธุรกิจ หรือผู้ที่มีฐานะชาวญี่ปุ่นตามย่านเศรษฐกิจ เช่น ทองหล่อ อโศก เอกมัย สุขุมวิท นานา และสีลม ล่าสุดผู้ต้องหาได้หลอกผู้เสียหายไปมอมเหล้าที่ห้องพักแห่งหนึ่ง จากนั้นจึงได้ใช้มีดจี้เอาบัตรเอทีเอ็มเหยื่อไปกด ได้เงินไปประมาณ 90,000 บาท และจากแนวทางการสืบสวนพบว่า ผู้ต้องหากระทำในลักษณะนี้มาเป็นระยะเวลากว่า 10 ปีแล้ว มีผู้เสียหายนับ 100 ราย ได้เงินไปคร่าวๆประมาณ 100 ล้านบาท โดยเงินที่ได้จะนำไปใช้เที่ยวเตร่ ซื้อทรัพย์สินต่างๆ โดยบางส่วนยังนำไปเลี้ยงเด็กผู้ชายอีกด้วย

จากการสอบสวน นายอุทัย ให้การรับสารภาพว่า สาเหตุในการต้มตุ๋นเหยื่อเนื่องมาจาก เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วได้ไปชอบพอกับชายชาวญี่ปุ่นคนหนึ่ง ก่อนจะถูกหลอกหลอกทิ้งไว้ในโรงแรมแห่งหนึ่งบนเกาะพีพี จ.กระบี่ ซึ่งตอนนั้นยังเป็นนักศึกษาคณะเทคนิคการแพทย์ของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง จึงไม่มีเงินจ่ายค่าที่พักและเดินทางกลับบ้าน ทำให้ผูกใจเจ็บเรื่อยมา ต่อมาหลังเรียนจบจึงได้ตระเวนหาเหยื่อชาวญี่ปุ่น โดยเลือกดูว่าเป็นนักธุรกิจ หรือค่อนข้างมีฐานะ เพราะเวลาสื่อสารภาษาเป็นภาษาอังกฤษจะใช้คำศัพท์ที่ยากๆทางสายแพทย์ เพราะจะดูน่าเชื่อถือ จากนั้นจึงได้หาวิธีเพื่อหลอกเอาเงินเหยื่ออยู่เรื่อยๆ แต่ยืนยันว่าที่ผ่านมาตนไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับเหยื่อเลย เคยมีเพียงครั้งเดียวตอนที่ถูกหลอกไปเกาะพีพีเท่านั้น ทั้งนี้เหยื่อที่ตนเคยหลอกได้เงินมากสุดประมาณ 2 ล้านบาท กระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ก่อนถูกส่งไปกักขังที่เรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร และถูกจำคุกอยู่ 8 เดือน อย่างไรก็ตามตอนที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำก็เคยคิดที่จะเลิกทำ แต่เมื่อออกมาก็เจออีเมลที่ส่งมาต่อว่าตน และมีชาวญี่ปุ่นนำรูปตนไปโพสต์ลงอินเทอร์เน็ตเพื่อเตือนภัยอยู่เรื่อยๆ รวมทั้งมีข้อความโพสต์เป็นภาษาญี่ปุ่นว่า "ไม่ชอบกระเทย" ทำให้ตนโกรธมากและผูกใจเจ็บ จึงหลอกลวงเหยื่อชาวญี่ปุ่นเรื่อยมา แต่ยืนยันว่าไม่เคยใช้อาวุธข่มขู่เหยื่อเลยสักครั้ง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าตนมีหมายจับออกมาว่าใช้มีดข่มขู่เอาเงินเหยื่อได้อย่างไร เบื้องต้นตำรวจจะได้ทำการสอบสวน นายอุทัย อย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อขยายผลว่ามีผู้ร่วมกระทำความผิดหรือไม่ ก่อนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป