ด่ายับจับปลาการ์ตูนมาถ่ายภาพบนเรือ

โลกโซเซียลแห่ประณามหนุ่มหน้าตาดี ถ่ายภาพคู่ปลาการ์ตูนบนเรือ ขณะดำน้ำอยู่ที่เกาะหลีเป๊ะ เจ้าตัวต้องรีบออกมาขอโทษ โยนเป็นฝีมือไกด์ ด้านประธานกลุ่มผู้พิทักษ์ปะการังชี้ ต้องรีบแก้ไขก่อนทรัพยากรธรรมชาติจะถูกทำลาย

เมื่อวันที่ 27 ม.ค. ผู้สื่อข่าว “เดลินิวส์ออนไลน์” รายงานว่า จากกรณีวัยรุ่น 3 คน เดินทางไปท่องเที่ยวที่เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล

และมีการโพสต์ภาพ “ปลาการ์ตูนส้มขาว” หรือที่คนไทยเรียกว่า “ปลานีโม” ที่ถูกจับขึ้นมาบนเรือด้วยความคึกคะนอง ถ่ายภาพในลักษณะต่าง ๆ จนกลายเป็นกระแสต่อต้านรุนแรงในสังคมออนไลน์นั้น กระทั่งเจ้าของภาพดังกล่าวทนกระแสต่อต้านจากสังคมไม่ไหว รีบโพสต์ข้อความขอโทษ และชี้แจงว่าปลาตัวดังกล่าวพวกเขาทั้ง 3 คน ไม่ได้เป็นผู้จับขึ้นมาเอง แต่ผู้นำทัวร์หรือไกด์นำเที่ยวเป็นคนจับมาให้ พร้อมน้อมรับความผิดที่ได้กระทำไป

“จากเหตการณ์ที่เกิดขึ้น ผมไม่ได้นิ่งเฉยและไม่สบายใจเป็นอย่างมากเช่นกันครับ ที่ผมได้ถ่ายรูปกับปลานีโมระหว่างไปท่องเที่ยวเกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล ผมขอเกริ่นก่อนว่า ปลานีโมผมไม่ได้เป็นคนจับขึ้นมาเอง พี่นำทัวร์เป็นคนจับขึ้นมาให้ดู ด้วยความที่ตื่นเต้นกับความน่ารักของปลานีโม เลยเอามาถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก ผมยอมรับผิดที่ผมนำปลามาถ่ายรูป ผมทำไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ผมไม่ได้เจตนา ผมยอมรับผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆครับ หวังว่าทุกคนคงให้โอกาสผม ผมชอบทะเล ชอบท่องเที่ยว เป็นคนรักธรรมชาติเหมือนกัน ผมขอโทษจริงๆ ขอโทษจากใจครับ”

แต่ภายหลังโพสต์ขอโทษถูกเผยแพร่ออกไป ชาวโซเซียลต่างวิพากษ์วิจารณ์ว่า การกระทำดังกล่าวไกด์เป็นผู้กระทำจริงหรือไม่

 ซึ่งก็มีนักท่องเที่ยวหลายรายที่เคยไปสัมผัสด้วยตัวเองบอกว่ าเคยมีคนขับเรือหางยาว และไกด์จับขึ้นมาให้ดูจริง ๆ ทั้งปลาการ์ตูนส้มขาว และปลาดาว แต่ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวไม่เห็นด้วย และมักจะขอร้องให้ปล่อยกลับคือสู่ท้องทะเล

ล่าสุดทีมข่าวเดลินิวส์ออนไลน์ติดต่อไปยัง นายดินัน พัทลุง ประธานกลุ่มผู้พิทักษ์ปะการัง Reef Guardian Thailand

เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เราได้ทราบว่ามีคนไทยจำนวนมากที่สนใจ และหวงแหนธรรมชาติของประเทศชาติเพิ่มมากขึ้น สำหรับนักท่องเที่ยวที่ปรากฎในภาพดังกล่าว ถือว่าเขามีจิตสำนึกส่วนหนึ่ง ที่ยังกล้าออกมายอมรับผิด และขอโทษต่อสังคม ส่วนที่ให้ข้อมูลว่าผู้ที่จับปลาขึ้นมานั้นเป็นไกด์ คาดว่าเขาน่าจะเข้าใจผิด คิดว่ากัปตันเรือหางเป็นไกด์ ซี่งในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ ที่ผ่านมาทางกลุ่มพยายามรณรงค์ทำความเข้าใจ และขอความร่วมมือกับบริษัทนำเที่ยว และผู้ประกอบการโรงแรมในแถบทะเลอันดามันมาโดยตลอด เรื่องการดูแลสัตว์น้ำและปะการัง ลดภาวะคุกคาม การจับ และการให้อาหาร เนื่องจากทุกวันนี้มีนักท่องเที่ยวให้ขนมปังแก่สัตว์น้ำในท้องทะเลตามแหล่งท่องเที่ยวของภูเก็ต กระบี่ พังงา ตรัง สตูล เฉลี่ยไม่ต่ำกว่าวันละ 3,000 ปอนด์ ซึ่งเกิดจากความคิดของไกด์ กัปตันเรือหาง และผู้ประกอบการโรงแรม ที่ไม่สนใจธรรมชาติ เน้นแต่ตัวเงินที่จะได้มา

สำหรับมาตรการลงโทษไกด์ที่จับสัตว์น้ำหรือทำผิดข้อตกลง ขั้นแรกจะถูกให้ใบเหลือง งดนำเที่ยวระยะหนึ่ง
 
แต่หากยังกระทำผิดซ้ำเราจะมีการตกลงกับผู้ประกอบการโรงแรม ผู้ว่าจ้าง และบริษัทนำเที่ยว ห้ามใช้ไกด์รายนั้นอีก เพราะถือว่ามีเจตนาไม่บริสุทธิ์ คุกคาม บั่นทอนธรรมชาติ สร้างความหายนะให้กับทรัพยากรของประเทศ แต่ถ้าเป็นกัปตันเรือหางคงเป็นเรื่องยาก เพราะที่ผ่านมาเราพยายามเข้าไปอธิบายถึงเหตุผล แต่ก็ยังไม่สามารถเข้าถึงกลุ่มนี้ได้อย่างจริงจัง เนื่องจากเขามองว่าเป็นช่องทางทำเงินของเขา

“ในฐานะนักท่องเที่ยว หากเห็นไกด์หรือกัปตันเรือหางกระทำความผิด หรือมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เราสามารถเตือนเขาได้ แต่ถ้าเกิดพูดแล้วไม่รู้เรื่อง ผมเชื่อว่าพวกเขาจะถูกสังคมลงโทษอย่างแน่นอน ยุคสมัยนี้เป็นยุคที่ไร้ขอบเขตจริง ๆ อย่างเรื่องที่เกิดขึ้น น้องนักท่องเที่ยวโพสต์ภาพเพียงวันเดียว แต่เกิดกระแสสังคมต่อต้านไปทั่วประเทศ หากนักท่องเที่ยวเจอสถานการณ์แบบนี้ควรปฏิเสธเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ณ จุดนี้มันเป็นหน้าที่ของเราทุกคน นักท่องเที่ยวต้องมีส่วนช่วยอนุรักษ์ธรรมชาติ ผมต้องกาารให้มีการบรรจุลงในแผนการดูแลทรัพยากรธรรมชาติของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และเป็นหนึ่งการท่องเที่ยวแบบอนุรักษ์ธรรมชาติของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อให้ครอบคลุม และเป็นหลักเกณฑ์สำรองไว้ในอนาคตเมื่อถึงช่วงเวลา AEC จะยิ่งดูแลยากมากขึ้น และสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้ทรัพยากรธรรมชาติของประเทศถูกทำลาย”.