อออกหมายเรียก 2 นศ.ถูกอาจารย์สาวขู่
ตำรวจบุปผาราม จ่อออกหมายเรียก 2 นักศึกษา ที่เข้าแจ้งความว่า ถูกอาจารย์สาวเปิดศึกก่อสงครามประสาท หลังจับได้ว่าทั้งคู่มีสัมพันธ์ลึกซึ้งแบบไม้ป่าเดี่ยวกันกับแฟนหนุ่มที่เป็นครูสถาบันเดียวกัน ก่อนส่งข้อความข่มขู่ เหตุผู้เสียหายไม่ยอมให้ปากคำเพิ่ม แถมกลับไปก่อนอีก ด้าน 1 ในนักศึกษา ยันจะไปให้ข้อมูลพร้อมทนายสัปดาห์หน้า
จากกรณี การเปิดศึกของผู้ที่ระบุว่าเป็นอาจารย์สาวและนักศึกษาชายของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งย่านธนบุรี ในเรื่องที่เกี่ยวกับสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาว ก่อนจะกลายเป็นการกดดันและข่มขู่ถึงขั้นขึ้นโรงพักเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเรื่องดังกล่าวถูกตีแผ่เผยแพร่อยู่ในสังคมออนไลน์ อ้างว่า อาจารย์ชายคนหนึ่งของมหาวิทยาลัย ได้ไปมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนักศึกษาชาย ทั้งๆที่อาจารย์ชายดังกล่าวมีแฟนเป็นอาจารย์สาวสถาบันเดียวกันอยู่แล้วแท้ๆ กระทั่งฝ่ายอาจารย์สาวจับได้และเกิดไม่พอใจ จึงมีการว่ากล่าวตักเตือนนักศึกษาว่าห้ามมายุ่งกับอาจารย์ชายที่เป็นแฟนตนอีก ก่อนจะกลายเป็นด่าทอด้วยคำหยาบคายผ่านทางแอปพลิเคชั่น ทั้งข่มขู่จะทำร้ายและตัดสิทธินักศึกษารายนี้ออกจากกองทุน กยศ.
ส่งผลให้ขณะนี้มีการตั้งเพจเผยแพร่โจมตีการกระทำของอาจารย์สาว โดยระบุว่ามีหลักฐานทั้งจากข้อความทางเฟซฯ และคลิปเสียงด้วย ซึ่งทางตำรวจ สน.บุปผาราม ก็ยืนยันว่ามีนักศึกษาเข้ามาขอลงบันทึกประจำวันจริง เพราะไม่ไว้ใจในความปลอดภัย ต่อมา กลุ่มอาจารย์คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี (มรภ.ธนบุรี) ได้ติดต่อมูลนิธิปวีณาฯ ให้ช่วยพานักศึกษาชายเข้าแจ้งความอีกครั้งในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศ เพราะถือเป็นคดีอาญาและผิดวินัยตามจรรยาบรรณวิชาชีพ กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์จนกระฉ่อนโลกโซเชี่ยล
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 25 ม.ค. พ.ต.อ.วรวิทย์ ญาณจินดา พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สน.บุปผาราม กล่าวถึงความคืบหน้าว่า ก่อนหน้านี้นักศึกษาชาย 2 คน พร้อมด้วยอาจารย์และกลุ่มเพื่อนได้เข้าแจ้งความไว้ ก่อนที่พนักงานสอบสวนจะนำตัวไปสอบปากคำ แต่ปรารกฎว่าจู่ๆ ทางอาจารย์ก็พานักศึกษาทั้งหมดกลับไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ ตั้งแต่นั้นมาเจ้าหน้าที่ก็ติดต่อนักศึกษาทั้ง 2 คน อีกครั้ง แต่ไม่สามารถติดต่อได้เลย หลังจากนี้จะประสานไปยังฝ่ายปกครองของมหาวิทยาลัยแทน เพื่อให้พานักศึกษามาสอบปากคำให้ละเอียด หากไม่ประสบผลสำเร็จก็จะออกหมายเรียกทันที และถ้ายังไม่มาอีกก็คงต้องออกหมายจับ จากนั้นค่อยเรียกตัวอาจารย์อีก 2 คน ที่เป็นคู่กรณีมาสอบปากคำต่อไป
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยัง นายกบ (นามสมมติ) หนึ่งในผู้เสียหาย เพื่อสอบถามถึงสถานการณ์ ก่อนได้รับการเปิดเผยว่า สภาพจิตใจตอนนี้ดีขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ยังไม่กล้าออกไปไหนข้างนอกคนเดียว เพราะเกรงจะโดนลอบทำร้าย หากจะไปไหนต้องมีเพื่อนไปด้วย ส่วนที่กลับจากโรงพักโดยไม่ได้ให้ปากคำนั้น เนื่องจากมีการหารือกับอาจารย์แล้วลงความเห็นว่า ต้องการมาให้ปากคำพร้อมกับทนายในสัปดาห์หน้าจะดีกว่า