ชาวญี่ปุ่นเดือด แฉการบริการสนามบินสุวรรณภูมิ ลั่นเป็นความน่าอับอายของประเทศไทย-เจ้าหน้าที่ไม่เต็มใจบริการ-ละเลยชาวต่างชาติ แถมถูกแท็กซี่โกงค่ารถเท่าตัว ขณะที่ชาวเน็ตต่างร่วมแชร์ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกออนไลน์มีการแชร์ภาพพร้อมข้อความของคุณ "Koki Aki" สมาชิกเฟซบุ๊ก ซึ่งผู้โพสต์เป็นชายหนุ่มชาวญี่ปุ่นที่เดินทางมายังประเทศไทย และอ้างว่าได้พบกับประสบการณ์สุดเลวร้ายจากการบริการที่ย่ำแย่ของเจ้าหน้าที่ประจำสนามบินสุวรรณภูมิ ตลอดไปจนถึงแท็กซี่ที่ผู้โพสต์ระบุว่าโกงค่าโดยสารจนต้องขอยกสนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินแห่งชาติของไทย ให้เห็นสนามบินที่น่ารังเกียจมากที่สุดและเป็นความน่าอายของประเทศไทย
โดยผู้โพสต์เล่าว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 18.30 น. ของวันที่ 17 ม.ค. ที่ผ่านมา ขณะที่ตนมาถึงสนามบินสุวรรรภูมิโดยสายการบินเวียดนาม ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองแถวผู้โดยสารยาวมากถึงจะมีผู้โดยสารจำนวนมาก แต่ด่านตรวจคนเข้าเมืองก็ไม่เปิดใช้งานช่องที่ว่างอยู่และสุดท้ายตนต้องรอคิวที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองถึง 30 นาที ซึ่งตอนนั้นตนมีปัญหาที่ข้อเท้า ตนต้องเดินลากเท้า อีกทั้งตนมีกระเป๋าสะพายหนัก 15 กิโล และกระเป๋าเดินทาง 2 ใบ ใบละ 20 กิโล ที่เต็มไปด้วยของเล่นและขนมสำหรับเด็กๆ แล้วตนก็เดินมาถึงที่รอคิวแท็กซี่ด้วยความอ่อนเพลีย
ที่จริงตนควรจะใช้บริการรถไฟเข้าเมือง แต่ก็เพราะมีกระเป๋าหลายใบ คิวที่รอรถแท็กซี่ยาวมาก และแล้วก็เกิดปัญหาขึ้นอีก ตอนที่เอากระเป๋าขึ้นรถ คนขับก็ขอบัตรคิวรถจากตนไป ที่จริงบัตรคิวนี้ผู้โดยสารควรจะเก็บไว้เผื่อมีปัญหาเกิดขึ้น ตอนนั้นผมก็เลยรู้สึกแปลกๆ ตอนที่ขึ้นไปนั่งบนรถแล้ว คนขับก็พูดว่า "ไปสะพานควาย ต้องจ่าย 700 บาท" โดยตนคิดว่านี่เป็นเรื่องแปลก เพราะปกติแล้วไปสะพานควายเสียค่ารถเพียงแค่ประมาณ 350 บาท และคิดว่านี่เหมือนการโกง
โดยผู้โพสต์ได้ระบุว่าตนได้พูดกับคนขับแท็กซี่ว่า ต้องการใช้มิเตอร์วัดระยะทางในการคิดค่าบริการ แต่ด้านคนขับบอกว่า ตนเองนั้นเป็นผู้เลือกรถใหญ่เองจึงไม่สามารถคิดตามมิเตอร์ได้ ซึ่งตนคิดว่าคนขับพูดไม่จริง เพราะตนไม่ได้เป็นคนเลือกรถเอง มีพนักงานคอยกดบัตรคิวให้เรา ขณะที่ตนคิดว่าไม่ใช่เพียงตนเองเท่านั้นที่ถูกกระทำในลักษณะนี้ คนญี่ปุ่น หรือชาติอื่นก็โดนโกงจากแท๊กซี่ ถึงแม้นี่จะเป็นแท็กซี่ของสนามบิน
ตนจึงตัดสินใจทักท้วงกับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบที่นั่น ตนต้องเดินกลับไปที่รับบัตรคิวรถแท็กซี่อีก ขณะที่ตนพยายามทักท้วงกับคนที่รับผิดชอบเรื่องแท็กซี่ตรงนั้น พวกเขาบอกให้ตนคืนบัตรคิว แต่ตนคิดว่าถ้าตนคืนบัตรคิวให้พวกเขา ตนเองก็จะไม่มีหลักฐาน จึงจำเป็นต้องถ่ายรูปไว้ และเจ้าหน้าที่ก็ทิ้งบัตรคิวนั้นไป
ตนเองจึงได้บอกกับเจ้าหน้าที่ไปว่า นี่เป็นที่รอคิวแท๊กซี่ ทำไมถึงมีแท็กซี่ไม่รักษากฎ ตนนั้นเจอปัญหาแบบนี้หลายครั้งแล้ว ขอคุยกับคนที่รับผิดชอบตรงนี้หน่อย ซึ่งตอนที่ตนบอกแบบนั้น ชายที่ใส่เสื้อสีขาวเหมือนจะไม่ค่อยเต็มใจ และพูดกับตนว่า ผมนี่แหละรับผิดชอบตรงนี้อยู่ ตนคิดว่าเขารับผิดชอบแต่ตรงที่กดบัตรคิว แต่ไม่ใช่ผู้ที่รับผิดชอบโดยตรงเกี่ยวกับแท็กซี่ แต่ทางด้านเจ้าหน้าที่ได้กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับคนขับกับผู้โดยสารจะตกลงกันเอง ถ้าไปไกลอย่างพัทยา หัวหิน แต่ถ้าผู้โดยสารไม่อยากจ่ายแบบเหมาก็เปลี่ยนคันใหม่
ตนคิดว่ามันเป็นเรื่องแปลก อยากรู้ว่าสะพานควายอยู่ไกลกว่าพัทยาหรืออย่างไร เพราะตนอยู่ที่นี่มาเกือบ 10 ปีแล้ว ตนก็ยังไม่รู้เลย โดยตนได้พูดกับเขาโดยพยายามเก็บความโมโหไว้ พร้อมกับอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ใช่การตกลงทั้งสองฝ่าย แต่เป็นการตัดสินใจเพียงฝ่ายเดียว และถามกับพนักงานว่ายอมรับการโดงแบบนี้ได้หรือ ไม่สนใจคนขับที่นิสัยแย่แบบนี้ด้วยหรือ เขาจึงกล่าวว่าหากต้องการร้องเรียนตั้งเขียนใบร้องเรียนและเขาก็พาตนไปที่เคาน์เตอร์
พอตนไปถึงก็เห็นผู้หญิง 2 คนอยู่ที่นั่น ตนจึงอธิบายเรื่องทั้งหมดอีกครั้ง และเจ้าหน้าที่ตรงนั้นได้กล่าวว่า รถใหญ่แพงกว่ารถเล็กเป็นธรรมดา 700 บาทก็ปกติ ซึ่งตนคิดว่าไม่มีความแตกต่างกันระหว่างแท็กซี่คันใหญ่หรือคันเล็กก็ตาม อีกทั้งพวกเขาพยายามจะไม่สนใจการทักท้วงของตน เหมือนไม่สนใจ และไม่อยากจะทำงาน ตนอยากทราบว่าเจ้าหน้าที่สนามบินไม่มีหน้าที่ดูแลคนขับแท็กซี่หรือ แม้กระทั่งพยายามจะไม่สนใจผู้โดยสาร ทำเหมือนกับปล่อยไปเถอะ
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่บอกให้ตนไปรอรับบัตรคิวแท็กซี่อีกรอบ ตนก็ต้องเดินกลับไปรอรับบัตรคิวอีกรอบ แต่ถึงอย่างนั้น สนามบินสุวรรณภูมิก็เป็นสนามบินที่ต้องเสียค่าภาษีสนามบินแพงที่สุดอยู่ดี ขณะที่ตนต้องรอแถวตรวจคนเข้าเมืองยาวมาก ลิฟท์ก็ใช้ไม่ได้ การบริการที่แย่ ผู้โดยสารจะถามข้อมูล เจ้าหน้าที่ก็ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ หรือไม่สนใจ มีเจ้าหน้าที่แย่แบบนั้น แท็กซี่ไม่กดมิเตอร์ และคิดค่าโดยสาร 2 เท่า มีแท๊กซี่ที่แย่แบบนั้นต่อหน้าชาวต่างชาติ คนไทยแสดงความแย่ในการบริการแบบนั้น ที่สนามบินแห่งชาติที่เป็นประตูเข้าสู่ประเทศ ทั้งนี้ตนอยากถามว่าพวกเขาไม่ใช่ความน่าอับอายของประเทศไทยหรือ ที่แสดงความขี้เกียจ ไม่มีน้ำใจต่อชาวต่างชาติ
หลังจากที่เรื่องราวดังกล่าวได้รับการเผยแพร่ออกไป ก็มีผู้คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมายทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยมีบางส่วนที่ร่วมแชร์ประสบการณ์ถูกแท็กซี่ของไทยโกงค่าโดยสารเช่นกัน พร้อมระบุว่าปัญหาแท็กซี่นั้น ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับคนต่างชาติเท่านั้น เพราะแม้แต่คนไทยเองก็ยังถูกแท็กซี่เอารัดเอาเปรียบ เป็นปัญหาที่เรื้อรังมานานโดยไม่สามารถแก้ไขได้
ขณะที่ชาวไทยบางส่วนเข้ามาแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องที่เกิดขึ้น โดยชี้ว่าเรื่องราวดังกล่าวถือเป็นความน่าอับอายอย่างมาก และในฐานะคนไทยก็ต้องขอโทษแทนกลุ่มคนนิสัยแย่ ๆ พวกนั้นด้วย นอกจากนี้ชาวเน็ตยังได้แสดงความไม่พอใจต่อการบริการอันย่ำแย่ของสนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมทั้งขอให้ผู้บริหารหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องลงมาดูแลปัญหา และแก้ไขการบริการให้ดีกว่านี้ด้วย
ทั้งนี้ผู้โพสต์ได้โพสต์ข้อความอีกครั้งในวันนี้ (19 ม.ค. 58) ในลักษณะตอบความคิดเห็นของชาวเน็ตที่ได้ส่งขอความขอโทษแทนคนไทย รวมทั้งข้อความว่าได้โปรดอย่าลืมว่ายังมีคนไทยที่ดีอยู่ ว่าตนรู้สึกได้ว่าเป็นความเห็นที่มาจากคนไทยที่มีน้ำใจอย่างแท้จริง ตนดีใจที่ได้ยินแบบนั้น รวมทั้งตนไม่อยากให้ทุกคนเข้าใจผิด ในเรื่องที่ตนตำหนิประเทศไทย นั่นไม่ใช่เพราะว่าตนเกลียดประเทศไทย โดยผู้โพสต์ไดิหยิบยกว่า ถ้าหากเราไปในกรุงเทพฯ หรือไปต่างจังหวัด เราก็จะเข้าใจ
ผู้โพสต์ยังระบุอีกว่า ตนเองเคยได้พูดกับหลายสื่อว่า หากคนหลงทางในกรุงเทพ คนไทยก็จะเข้ามาช่วยเหลือ ตนไปมาหลายประเทศในเอเชีย แต่ความมีน้ำใจแบบนี้มีแค่ประเทศไทย ซึ่งตนได้อยู่ในประเทศไทยมาเกือบ 10 ปีแล้ว ตนรู้ดีว่า คนไทย 99 คน ใน 100 คนเป็นคนดี แต่มีคนไทยอีก 1 คน ที่ทำให้ภาพลักษณ์คนไทยอีก 99 คน เสียหายไปด้วยอย่างเช่นคนที่สนามบิน โดยตนหวังว่าจะมีคนมีน้ำใจคอนต้อนรับคนต่างชาติ
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
