ทั้งนี้ พระเกษม อ้างว่า ไม่ต้องอาบัติถึงขั้นปาราชิก เนื่องจากกระทำไปโดยไม่รู้ตัวและไม่ยินดี อย่างไรก็ตาม ล่าสุด อดีตเจ้าสำนักสงฆ์ป่าสามแยก เอ่ยปากขอถอดผ้าเหลือง โดยขอนุ่งขาวห่มขาวถือศีล 8 แทน
ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ เมื่อเวลาประมาณ 14.30น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรดาญาติธรรมและเหล่าลูกศิษย์ราว 70 คน เดินทางไปที่สำนักสงฆ์ดังกล่าว เพื่อให้กำลังใจแก่นายเกษม หรือ “อาจารย์เกษม” ขณะที่นายเกษมนั้นได้แต่งกายแบบปถุชนทั่วไป สวมเสื้อยืดคอกลมสีขาวและสวมแจ็กเก็ตสีครีมทับด้านนอก สวมหมวกไหมพรมและนุ่งกางเกงขายาว ได้ออกมาพบปะและร่วมเสวนากับเหล่าลูกศิษย์
โดยอดีตเจ้าสำนักสงฆ์ป่าสามแยกได้เล่าถึงสาเหตุที่ถูกปรับปาราชิก โดยบอกว่า ทำไปโดยไม่รู้ตัวและอารมณ์ชั่ววูบ มารู้สึกตัวเมื่อสำเร็จความใคร่แล้ว และเสพมาเป็น 10 ครั้ง
จากนั้น นายเกษมหรืออาจารย์เกษม ยังให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมอีกว่า เริ่มทดสอบวิชา (จิต) โดยเฉพาะเรื่องญาณสมาบัติว่าจะหายไปหรือไม่ โดยครั้งแรกตั้งแต่ปลายปี 2556 ซึ่งเริ่มจากพระลูกวัดบางรูป โดยการลูบคลำก่อนแต่ไม่รู้สึกอะไร และยังเข้าญาณได้
แต่หลังจากเริ่มทดสอบกับลูกศิษย์ ช่วงระยะหลังเริ่มรู้สึกเสื่อมจนไม่สามารถเข้าญาณได้ จากนั้นเกิดความรู้สึกละอายและเกรงกลัวเหมือนปถุชนทั่วไปทำให้รู้ว่าญาณที่เคยมีหมดแล้วและไม่มีอะไรมาปกป้อง จึงได้แจ้งให้พระในวัดไปบอกกรรมการวัดและลูกศิษย์
นายเกษมยังบอกย้ำด้วยว่า “ไม่ได้ชอบผู้ชาย หากจะมีชีวิตคู่ก็จะมีภรรยาเป็นผู้หญิง และยังจะดำรงชีวิตอยู่ในวัดนี้ต่อไปในฐานะญาติโยม และเป็นพี่เลี่ยงสอนพระไตรปฎิกให้กับญาติธรรมที่เดินทางมาที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ แต่จะอยู่ได้นานมากน้อยแค่ไหน อยู่ที่ญาติโยมและประชาชนที่มาปฎิบัติธรรม”
ด้านนายศิวนาถ แสนแก้ว ลูกศิษย์อดีตพระเกษม เผยถึงกรณีดังกล่าวว่า เหตุถูกปรับปาราชิก อาจารย์เกษมทำหลายครั้ง แต่หลังสุดเมื่อต้นเดือนมกราคมนี้ และที่ต้องถูกปรับปาราชิกคือ เมื่อรู้อยู่แต่ยังวางเฉย และเหตุการณ์นี้ถือเป็นอุทาหรณ์ว่าการจะทำอะไรต้องศึกษาให้รู้ชัดก่อนทำ ถ้าไม่รู้ชัดจะทำให้สำคัญตัวเองว่าถูก ต้องศึกษาให้ดีก่อนว่าพระพุทธเจ้าสอนอะไรไว้ เหมือนที่อาจารย์เกษมวิมุตผิด (วิมุต-เข้าใจตัวเองหลุดพ้นเป็นพระอรหันต์) มา 20 ปี เพราะไม่ได้ยึดปริยัติให้มาก สุดท้ายตัวเองจะเสียหายมากที่สุด
นายศิวนาถกล่าวและว่า แต่คำสอนที่อาจารย์เกษมอธิบายขึ้นมาเข้าในหลักธรรมทำให้เราฟังกันได้ และข้อดีของอาจารย์ก็คือท่านให้ยึดในคำสอนของพระพุทธเจ้าไม่ให้ยึดติดในตัวบุคคลหรือตัวท่าน ส่วนสถานภาพของอาจารย์เกษมในตอนนี้ก็เหมือนปถุชนที่ศึกษาธรรมต่อไป และเมื่ออาจารย์เกษมรู้ว่าผิดเมื่อถูกปรับอาบัติปาราชิก ก็ยอมรับโดยไม่ลังเลพร้อมสละผ้าเหลืองทันทีก็ต้องให้อภัย
“แต่ทั้งนี้ อาจารย์ยังมีภูมิความรู้เรื่องธรรมวินัยค่อนข้างกว้าง ยังเป็นประโยชน์ต่อผู้ศึกษาธรรม ประกอบกับอาจารย์เกษมก็ไม่มีที่ไปเพราะตัวคนเดียว โดยเหล่าลูกศิษย์ก็ยังเคารพในภูมิของท่านจึงเห็นพ้องให้ท่านพำพักที่เดิมต่อไป ส่วนจะมีปัญหาเรื่องศรัทธาหรือไม่นั้นตรงนี้ถือเป็นเรื่องปกติ สำหรับการสรรหาเจ้าอาวาสองค์ใหม่ คงจะมีหารือกันอีกครั้งในหมู่ลูกศิษย์และคณะกรรมการ”นายศิวนาถกล่าว
ด้านนายธัญเทพ หมื่นยุทธ ผู้อำนวยการสำนักงานพุทธศาสนา จ.เพชรบูรณ์ กล่าวว่า ในเมื่อนายเกษมทำให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นและยอมพิจารณาตัวเองโดยไม่ทำให้ศาสนามัวหมอง ก็คือว่ายังมีความรับผิดชอบ ท่านก็ยอมรับจริงถึงยอมเปลี่ยนมานุ่งผ้าขาว ก็ถือว่าเป็นผลดี ซึ่งในส่วนสำนักพุทธฯเมื่อนายเกษมยอมถอดผ้าเหลืองก็ถือว่าจบเรื่องแล้ว และเรื่องนี้ทางเจ้าคณะจังหวัดก็รับทราบเรียบร้อยแล้ว ก็คงจบเหมือนกันคงไม่มีการไปบังคับขู่เข็ญให้ไปเปลื้องผ้าเหลือง
ด้านนายธัญเทพกล่าวว่า ไม่ทราบว่าสำนักสงฆ์แห่งนี้ เป็นวัดที่ถูกต้องหรือปล่าว หากเป็นวัดที่ถูกต้องก็จะต้องเข้าไปสรรหาแลบะแต่งตั้งเจ้าอาวาสรูปใหม่ไปดูแล แต่หากสถานที่ตรงนี้มีสถานะเป็นแค่เพียงที่พักสงฆ์หรือสำนักสงฆ์ที่ยังไม่ถูกต้อง ก็เป็นเรื่องภายในที่ทางลูกศิษย์และคณะกรรมการจะต้องเข้าไปดูแล
“ตอนนี้ เหมือนยกภูเขาออกจากอก เพราะ หากนายเกษมยังดันทุลังต่อไป จะเป็นเรื่องยาวและศรัทธาของชาวพุทธก็จะเสื่อมถอยไป การที่ท่านจบแบบนี้ทุกคนก็สบายใจอย่างน้อยเมื่อทำแล้วรับผิดก็จบ”นายธัญเทพกล่าว
และว่า หลังนายเกษมแต่ชุดขาวและยังพำพักอยู่ในสำนักสงฆ์แห่งนี้ ต่อไปคงเป็นเรื่องภายในแล้ว เพราะเมื่ออนุญาตให้นายเกษมอยู่ก็เป็นเรื่องของเหล่าบรรดาลูกศิษย์ และคณะกรรมการคงจะพิจารณาด้วยความรอบคอบแล้ว