เจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์รับทราบข้อมูลพระเกษมแล้ว อยู่ระหว่างหารือถึงขั้นตอนว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร พร้อมมีความเห็นว่า พระเกษมขาดจากความเป็นพระแล้ว เพราะไม่ได้กระทำเพียงครั้งเดียว แต่ทำซ้ำอีก จะมาอ้างว่าทำไปโดยไม่รู้ตัวคงไม่ใช่
จากกรณีที่พระเกษม อาจิณณสีโล เจ้าสำนักสงฆ์ป่าสามแยก ต.วังกวาง อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์
ออกมาเปิดปากให้การยอมรับ พฤติกรรมเสพเมถุนกับลูกศิษย์ที่ใกล้ชิด ท่ามกลางเหล่าบรรดาศิษย์นับร้อย บนศาลาของสำนักสงฆ์ ในการไต่สวนของเหล่าบรรดาลูกศิษย์และกรรมการวัด โดยอ้างว่า กระทำไปโดยไม่รู้สึกตัว และไม่มีเจตนากระทำเช่นนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 15.50 น.วันที่ 17 ม.ค. นายธัญเทพ หมื่นยุทธ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.เพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า ได้รับทราบเรื่องนี้ดังกล่าวแล้ว และได้รายงานให้ทางพระราชปริยัติบัณฑิต เจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์ (ธ) ธรรมยุติ ได้รับทราบข้อมูลทั้งหมด และอยู่ระหว่างหารือถึงขั้นตอนว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร และมีความเห็นว่า พระเกษมขาดจากความเป็นพระเรียบร้อยแล้ว เพราะไม่ได้กระทำเพียงครั้งเดียว แต่ทำซ้ำอีก จะมาอ้างว่าทำไปโดยไม่รู้ตัวคงไม่ใช่
"เมื่อตัวพระเกษมออกมายอมรับ การกระทำขนาดนี้แล้ว ก็ต้องพิจารณาตัวเองได้แล้ว ไม่เช่นนั้นคณะสงฆ์คงต้องเข้าไปดำเนินการ แต่เรื่องนี้เป็นการสมยอมของทั้งสองฝ่าย จึงไม่มีความผิดด้านกฎหมายบ้านเมือง แต่มีความผิดในทางพระธรรมวินัย ฉะนั้นหากจะเข้าไปสอบสวนดำเนินการ คงต้องอยู่ในส่วนของทางเจ้าคณะจังหวัด ซึ่งคงจะมีการสั่งการและแต่งตั้งให้พระผู้ปกครองในท้องที่ ไปดำเนินการตรวจสอบความจริงให้ชัดเจน ไม่เช่นนั้นอาจจะมีการโต้แย้งกันออกมาอีกในภายหลัง" นายธัญเทพ กล่าว
สำหรับบรรยากาศภายในสำนักสงฆ์ป่าสามแยก ค่อนข้างเป็นไปอย่างเงียบเหงา บรรดาเหล่าลูกศิษย์ก็ค่อนข้างบางตา
ซึ่งพระเกษม อาจิณณสีโล ยังคงออกมาร่วมฉันอาหารเช้าที่โรงจังหันของวัดตามปกติ หลังฉันอาหารเสร็จ พระเกษมยังเปิดให้ลูกศิษย์ได้ซักถาม เกี่ยวกับเรื่องเสพเมถุนเพิ่มเติม พร้อมกล่าวท้าทายให้คณะสงฆ์มาสอบสวนได้เลย โดยระบุว่า เมื่อออกมาประกาศยอมรับว่าทำผิดแบบนี้จริง ให้ตั้งคณะสงฆ์มาสอบได้เลย ให้เอาพระธรรมวินัยมากางเปิดกันเลยว่า การกระทำเช่นนี้ปาราชิกหรือไม่ แต่ต้องให้พระที่มีอภิญญามาสอบสวนนะ และจะยินดีมากถ้ามีศาลสงฆ์ก็พร้อมจะไปขึ้นศาล ในตอนท้ายก่อนเข้ากุฏิพระเกษมยังพูดย้ำอีกครั้งด้วยว่า หากชัดเจนต้องการจะปรับให้เราปาราชิกก็ปรับมา แต่เราไม่ชัดเจนกับตัวเหมือนอย่างที่พูดไปแล้วก่อนหน้านี้..