เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเช้าวันที่ 15 ม.ค. ร.ต.ท.รังสรรค์ ลมไธสง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุพรรณบุรี
รับแจ้งเหตุพลุระเบิดมีเสียชีวิตที่ โรงงานผลิตพลุสำรวยดอกไม้ไฟ ของบริษัทสำรวยไฟร์เวิร์ค จำกัด เลขที่ 69/1 หมู่ 1 ต.บ้านโพธิ์ อ.เมืองสุพรรณบุรี ไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.ชัยรัตน์ ทิพยจันทร์ รอง ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี พ.ต.อ.สุมนตรี กรรณเลขา ผกก.สภ.เมืองสุพรรณบุรี กำลังฝ่ายสืบสวนรถดับเพลิงจากเทศบาลตำบลบ้านโพธิ์ เจ้าหน้าที่มูลนิธิเสมอกัน
ที่เกิดเหตุเป็นโรงผสมดินปืนเพื่อนำไปประกอบเป็นพลุต่างๆ ตั้งอยู่มุมบ้านหลังใหญ่ ตั้งอยู่ในพื้นที่เกือบ 1 ไร่ สภาพพังเสียหายทั้งหลังอุปกรณ์ต่างๆกระจายเกลื่อน
นอกจากนี้ตัวบ้านหลังใหญ่ซึ่งอยู่ระหว่างก่อสร้างถูกแรงอัดผนังบ้าน และหลังคาบ้านบางส่วนพังเสียหาย นอกจากนี้ยังมีผู้ถูกแรงระเบิดของพลุฉีกร่างไม่เหลือชิ้นดีเสียชีวิต 1 คนคือนางยุพา พันธุ์มุข อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25 หมู่ 1 ต.บ้านโพธิ์ เจ้าหน้าที่กู้ภัยและชาวบ้านต้องช่วยกันกระจายเก็บเศษชิ้นส่วนเพื่อรวบรวมไปชันสูตร
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่าโรงดังกล่าวมีนายสำรวย ทิมขำ อายุ 63 ปี
เป็นเจ้าของและเป็นโรงงานผลิตพลุดอกไม้ไฟที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดสุพรรณบุรี และเป็นโรงงานแห่งแรกที่มีใบอนุญาตประกอบการขณะเกิดเหตุนายสำรวย เจ้าของไม่อยู่ มีเพียงนางยุพา ผู้ตายซึ่งทำงานที่โรงงานแห่งนี้มาหลายปีจนมีความชำนาญและได้รับความไว้วางใจจากเจ้าของให้เป็นผู้ทำหน้าที่ผสมดินปืน ก่อนส่งกระจายให้ชาวบ้านรับไปบรรจุตามบ้าน กระทั่งก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้มาทำงานผสมดินปืนเพียงลำพังและคาดว่าหลังจากผสมเสร็จแล้วได้ลากถังที่บรรจุดินปืนเพื่อนำไปเก็บแล้วเกิดประกายไฟหรือปฏิกิริยาทางเคมีจนเกิดระเบิดขึ้นดังกล่าว มูลค่าความเสียหายร่วม1ล้านบาท
ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่เคยเข้ามาตรวจสอบใบอนุญาตประกอบการและการจัดเก็บได้รับคำชี้แจงจากนายสำรวย
เจ้าของโรงงานแห่งนี้ว่าระบบการผลิตและการจัดเก็บวัตถุเคมีทางยุทธภัณฑ์ต่างๆได้มาตรฐานและปลอดภัยพร้อมกับรองว่าคนงานที่โรงงานแห่งนี้ได้รับการฝึกฝนจนมีความชำนาญเป็นอย่างดีและรับรองว่าไม่เกิดเหตุแน่นอนสุดท้ายก็เกิดเหตุระเบิดขึ้น
สำหรับพื้นที่ จังหวัดสุพรรณบุรี นั้นนับเป็นจังหวัดที่มีโรงงานพลุดอกไม้เพลิงจำนวนมากส่วนมากไม่มีใบอนุญาตประกอบการ
และยังมีการลักลอบนำส่วนผสมดินปืนซึ่งเป็นวัตถุอันตรายไปบรรจุจำพวกประทัด กระจับ และระเบิดปิงปอง และเคยเกิดเหตุทั้งโรงงานผลิต และที่ชาวบ้านรับไปประกอบเกิด ระเบิดมีผู้เสียชีวิตทรัพย์สินเสียหายมาแล้วหลายครั้ง ทางด้าน พ.ต.อ.ชัยรัตน์ ทิพยจันทร์ รอง ผบก.ภจ.สุพรรณบุรี เปิดเผยว่าได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนก็จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อสอบสวนหาสาเหตุของการเกิดระเบิดตรวจสอบใบอนุญาตการจัดเก็บวัตถุสารเคมีสำหรับใช้เป็นส่วนผสมซึ่งเป็นวัตถุอันตรายหรือไม่ อย่างไรก็ตามได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าไปตรวจสอบสาเหตุที่แท้จริงพร้อมกับเรียกเจ้าของมาสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฏหมายต่อไป