ร้านอาหารดังเมืองปากน้ำโพ แจงเหตุบิลค่ากุ้งเผาแพง ยันไม่เคยคิดโก่งราคาลูกค้า ยินดีชี้แจงคู่กรณีและให้ตรวจสอบราคา ก่อนหอบหลักฐานแจ้งความเอาผิดมือโพสต์ทำให้เสียหาย
กรณีโลกโซเชียลฯแชร์ภาพกุ้งเผา พร้อมบิลค่าอาหารของร้านอาหารแห่งหนึ่งในเขต อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ จำนวน 2,900 บาท
จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าทางร้านขาของเกินราคา และเอาเปรียบผู้บริโภค ตามที่เสนอข่าวไปนั้น ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 12 ม.ค. นางปัทมรัฎ ธรรมธิ อายุ 35 ปี ผู้บริหารร้านยิ้มยิ้ม นครสวรรค์ เปิดเผยกับเดลินิวส์ออนไลน์ว่า วันเกิดเหตุลูกค้ากลุ่มนี้ได้เข้ามาสั่งซื้อลูกชิ้นปลากรายทอด 2 ถุง ราคา 260 บาท โดยให้ห่อกลับบ้าน จากนั้นมีการสอบถามพนักงานรับออเดอร์ว่ามีกุ้งแม่น้ำเผาหรือไม่ ซึ่งพนักงานตอบรับว่ามี และดำเนินการเผาให้พร้อมทั้งชี้แจงว่า กุ้งแม่น้ำกิโลกรัมละ 1,340 บาทตกตัวละ 330 บาท 1 กิโลกรัมมี 3-4 ตัว ทางลูกค้าจึงสั่ง 2 กิโลกรัม พร้อมทั้งสอบถามเรื่องราคา และสั่งย้ำอีกครั้ง แต่เมื่อได้ของและเช็คบิล ลูกค้ากลับแจ้งทางร้านว่าเข้าใจว่ากุ้งกิโลฯละ 330 บาท คุณแม่ซึ่งเป็นเจ้าของร้านจึงต้องเข้ามาชี้แจงด้วยตัวเอง ลูกค้าจึงยอมรับว่าเข้าใจผิดเอง พร้อมกับขับรถออกไปจากร้านสักครู่ใหญ่ จึงย้อนกลับเข้ามาขอบิลค่าอาหาร โดยไม่ชี้แจงความคับข้องใจใด ๆ แต่นำไปโพสต์ลงในโซเชียลฯ จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ขึ้น
“ก่อนอื่นต้องชี้แจงว่า วันที่ลูกค้ามาสั่งอาหาร กุ้งที่ร้านนั้นมีขายอยู่ 2 ประเภท คือกุ้งแม่น้ำกิโลกรัมละ 1,340 บาท ซึ่งเมื่อชั่งน้ำหนักจะได้ 3-4 ตัว/กิโลกรัม และกุ้งก้ามกรามกิโลกรัมละ 600 บาท ชั่งน้ำหนักได้ 10-14 ตัว/กิโลกรัม ซึ่งทางร้านได้ขึ้นป้ายหน้าร้านเพื่อแสดงราคาของกุ้งทั้งสองประเภทอย่างชัดเจน โดยแจ้งทั้งราคาต่อตัวต่อกิโลกรัมตามประเภทของกุ้ง ส่วนคนที่มองว่าพนักงานรับออเดอร์อธิบายให้ลูกค้าฟังผิดไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะเป็นคนเก่าแก่ของร้านมีประสบการณ์สูง และทางร้านมีกฏว่าหากพนักงานผิดจะต้องโดนหักเงินทำให้ทุกคนมีความคล่องแคล่วในเรื่องนี้เป็นพิเศษ เรื่องที่เกิดขึ้นพร้อมยินดีให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบราคาอาหารของทางร้าน ยินดีให้ลูกค้าโทรมาคุยในเรื่องที่เกิดขึ้น และไม่คิดโกงอย่างแน่นอน เพราะชื่อเสียงของร้านที่เปิดมานานกว่า 50 ปี เราคงไม่ทำแบบนี้แน่ ๆ "
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถามไปยัง ร.ต.ท.ธิติพัทธ์ โนนมะหิง ร้อยเวร สภ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ ร้อยเวรเจ้าของคดี
ได้รับการเปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุ นางปัทมรัฎ ได้เข้ามาแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับคู่กรณีฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา พร้อมนำภาพจากกล้องวงจรปิด และภาพที่คู่กรณีโพสต์ลงโซเชียลฯมามอบเป็นหลักฐาน ซึ่งสร้างความเสียหายให้แก่ทางร้าน ทำให้บุคลอื่นเข้าใจผิดว่าเป็นเรื่องจริง.