พ่อโวย รพ.ถอนฟันลูกสาวผิดซี่

พ่อโวย รพ.ถอนฟันลูกสาวผิดซี่

พ่ออัดคลิปลูกสาวร้องไห้ระงม ลั่น รพ.กาญจน์ หลังพาไปถอนฟัน แต่หมอฉีดยาชากับถอนคนละคนเลยผิดซี่ รพ.แก้ปัญหาให้แค่ยาแก้ปวด แถมบอกเดี๋ยวก็หาย

เมื่อวันที่ 8ม.ค. ขณะนี้มีการเผยแพร่และแชร์คลิปวีดีโอหนึ่ง

จากเครือข่ายสังคมออนไลน์ยอดฮิตอย่างเฟซบุ๊ก ความยาว 3.48นาที ซึ่งมีข้อความระบุว่า“ให้หมอไทยดูไว้เป็นอุทาหรณ์”โดยปรากฏภาพเด็กหญิงรายหนึ่ง ขณะกำลังนั่งร้องไห้อยู่ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระปิยมหาราชมณียเขต จ.กาญจนบุรี พร้อมทั้งอ้างว่าทางโรงพยาบาลฯถอนฟันผิดซี่ให้ลูกของตนเอง เนื่องจากหมอได้ถอนฟันที่ไม่ได้ฉีดยาชา ส่วนฟันซี่ที่ฉีดยาชากลับไม่ได้ถอน จึงมีสภาพเป็นเช่นนี้ซึ่งภายหลังคลิปวีดีโอถูกแชร์กันในวงกว้าง เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงการปฏิบัติหน้าที่ของแพทย์ว่า บกพร่องในการปฏิบัติงาน ควรตรวจสอบให้ละเอียดมากกกว่านี้ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ทางโรงพยาบาลฯเร่งรับผิดชอบ

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าว“เดลินิวส์ออนไลน์”ได้สอบถามไปยังผู้โพสต์คลิปดังกล่าว ทราบชื่อ นายทูน สนทนา อายุ25ปี บิดาของเด็กหญิงคนดังกล่าว
 
เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าของวันที่7ม.ค. ที่ผ่านมาตนได้พาลูกสาวไปถอนฟันที่โรงพยาบาลแห่งนี้ โดยมีคุณหมอผู้ชายท่านหนึ่งเป็นผู้ฉีดยาชาไปที่ฟันซี่ที่จะถอนให้กับลูกสาวของตน ซึ่งในช่วงเวลาของการออกฤทธิ์ยาชาคุณหมอท่านนี้ได้ไปทำแฟ้มประวัติของคนไข้ เมื่อยาชาออกฤทธิ์จึงมีคุณหมอผู้หญิงอีกท่านเข้ามาถอนฟัน และได้เรียกตนให้ไปช่วยจับขาของลูกสาวขณะถอนฟัน ตนจึงสังเกตว่าทำไมลูกสาวถึงแสดงอาการดิ้นอย่างรุนแรงเหมือนเจ็บปวดเป็นอย่างมาก เมื่อออกจากห้องถอนฟันจึงตรวจสอบดูว่า ฟันซี่ที่ถอนเป็นอย่างไรแต่กลับพบว่าคุณหมอถอนฟันผิดซี่

“ทางโรงพยาบาลฯตอบกลับเพียงว่า ไปรับยาที่ห้องจ่ายยาและกลับบ้านไปทานยา เดี๋ยวก็หายปวด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้จ่ายยาลดอาการแก้ปวดมาให้และไม่มีการขอโทษ หรือแสดงความรับผิดชอบ ทั้งๆ ที่รู้ว่าถอนฟันผิดซี่ จึงได้พาลูกสาวกลับบ้านทันที ซึ่งขณะนี้อาการบวมที่แก้มก็ลดลงมากแล้ว แต่ฟันซี่ที่ปวดนั้นยังไม่ได้ถอน” นายทูนกล่าว

ขณะเดียวกันได้ติดต่อไปยัง นพ.ภัทรศุภเชฎฐ์ กิตติพิริยะกุล นายแพทย์เชี่ยวชาญ(ด้านเวชกรรม)
 
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระปิยมหาราชมณียเขต จ.กาญจนบุรี แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่รายหนึ่งให้ข้อมูลว่า วันนี้ ผอ.เดินทางไปราชการนอกจังหวัด จึงไม่ได้เข้ามาทำงานที่โรงพยาบาลฯ..



เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์