"เป็นนายกฯได้ทุกคน"
หลังจาก "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำการรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ก่อนจะได้รับโปรดเกล้าฯเป็นหัวหน้า คสช. พร้อมประกาศเดินหน้าตามแผนโรดแมป 3 ระยะ เพื่อขับเคลื่อนประเทศ
วันที่ 9 สิงหาคม 2557 พล.อ.ประยุทธ์ถึงคราวต้องโชว์เดี่ยวไมโครโฟนในงาน "เส้นทางการปฏิรูปประเทศไทย" พูดไป 1 ชั่วโมงครึ่ง ท่ามกลางเสียงฮาของคนนั่งฟังเป็นระยะ
มีประโยคหนึ่งที่ขอตัดตอนออกมา บิ๊กตู่พูดว่า "ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม ทำงานไม่ได้หยุด เบี้ยเลี้ยงวันละ 400 บาท ไม่คุ้ม เมียจะเลิกอยู่แล้ว"
หัวหน้า คสช.ยังพูดแซวไปยังคนนั่งฟังอีกว่า "ผมไม่อยากเข้ามา ใครพร้อมก็ขอให้บอก ที่นั่งข้างหน้ามีคนเป็นนายกฯได้ทั้งนั้น ก็เหมาะหลายคน อย่างคุณอนุทิน พร้อมเป็นนายกฯหรือยัง"
"อนุทิน ชาญวีรกูล" หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ถูกทักอย่างนี้เลยได้แต่แจกอมยิ้มอย่างเดียว ไม่รู้จะพูดอะไรต่อเหมือนกัน
10 ข่าวฮา ปี 2557
"ทุกอย่างจะได้กล้วยๆ"
ทีเด็ดเรียกเสียงฮาของนายกรัฐมนตรียังมี เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธานมอบรางวัลองค์กรโปร่งใส ประจำปี 2557 ที่สำนักงาน ป.ป.ช. สนามบินน้ำ
ขณะที่นายกฯเดินชมนิทรรศการ กระทั่งมาถึงบูธของกรมอนามัย นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย ที่ต้อนรับขับสู้อย่างดี จัดกล้วยน้ำว้าไว้ให้เสร็จสรรพ
นายกฯเป็นคนง่ายๆ อยู่แล้ว หยิบกล้วยขึ้นมาปอกแล้วเคี้ยวเต็มปากเต็มคำ ก่อนจะพูดออกมาว่า "ทุกอย่างจะได้กล้วยๆ" จากนั้นโยงเข้าเรื่องการป้องกันการทุจริตเลยว่า
"การไม่ทุจริตต้องเริ่มที่บ้าน ด้วยการมีภรรยาคนเดียวก่อน ไม่ใช่ไปทำงานจังหวัดไหนก็มีเมียที่นั่น เอ๊ะ ผมพูดอะไรผิดไปรึเปล่า ไม่มีนะ มีคนเดียวพอ"
...เรื่องกล้วยๆ ทุจริตและภรรยา ท่านนายกฯโยงเข้ามาเป็นเรื่องเดียวกันได้อย่างราบรื่น
"ผบช.มุกแป้ก"
เอ่ยชื่อ พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร ผบช.ปส. จัดขึ้นทำเนียบเป็นตำรวจสายบู๊อีกนายหนึ่ง ไล่จับโจรไม่ค่อยพลาด ถ้าได้ถือไมค์ มุกฮาล้นเหลือ
เมื่อไม่นานมานี้ บช.ปส.จัดโต๊ะแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากฝั่งพม่าเข้าไทย เป็นยาบ้านับแสนเม็ด พล.ต.ท.เรวัชพูดแถลงไปพร้อมชาร์ตโชว์การโยงใยแก๊งคนร้ายตั้งแต่ตัวการใหญ่ลงมาถึงลูกน้อง พอพูดจบหันมาถามนักข่าวว่า "จะถามอะไรอีกมั้ย" แต่ไม่มีใครถามอีกเพราะที่พูดมาละเอียดจนล้นแล้ว
ผบช.นักบู๊เลยหันไปคุยกับผู้ต้องหาบ้าง ยิงไปหลายคำถามมากมาย อาทิ "คิดยังไงถึงทำ" "ทำไปทำไม รู้ไหมว่ามันผิด มันไม่ดี" "รู้ไหมมันบาป" ฯลฯ
บางคำถามถึงขั้นเทศน์นอกธรรมาสน์กันเลย แต่ผู้ต้องหากลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง มีความเงียบเป็นคำตอบให้แทน
สุดท้ายลูกน้องต้องมากระซิบข้างหู ผบช.ว่า "พวกนี้เป็นชนกลุ่มน้อยครับนาย ฟังภาษาไทยไม่ออก"
ทำเอาวงแตก เจ้าหน้าที่ตำรวจรายอื่นๆ ต่างหันไปถามหาล่ามแปลกันใหญ่ทั้งที่รู้ว่าไม่มี สุดท้ายนักข่าวแก้เกี้ยวให้ ชูมือบอก พล.ต.ท.เรวัชว่า "ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้รายละเอียดเยอะแล้ว"
ผบช.ก็ยอมรับแต่โดยดี จบก็จบ
แก้เคล็ด"เสือเหลือง"
เพียงข้ามคืน ประชาชนทั้งประเทศต่างอยู่ในอาการฟีเวอร์สุดขีด เมื่อทีมบอลชาติไทยเหยียบขึ้นแท่นแชมป์ชูถ้วยเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 ต่อหน้าแฟนบอลมาเลย์ในสนามยักษ์บูกิต จาลิล ที่จุคนเป็นแสน แล้วก็ต่อหน้าคนไทยที่เฝ้าชมหน้าจอทีวีกันเป็นล้านๆ เมื่อวันที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมานี้เอง
นอกจากจะเจ๋งเป้งทั้งฝีแข้งแล้ว ความหล่อเหลาของนักเตะไทยก็อยู่แถวหน้าอาเซียน อีกทั้งการถือเคล็ดเป็นกำลังใจก่อนลงสนามก็น่าจะมีชาติเดียวในแถบนี้
ก่อนหน้าที่ทัพช้างศึกจะลงเล่นรอบชิงฯนัดที่สอง มักใส่เสื้อแข่งขันสีน้ำเงิน สามารถสร้างผลงานดีๆ มาให้อยู่เสมอ แต่พอถึงนัดชิงฯ มาเลย์เหมือนรู้แกวหันมาใส่ชุดน้ำเงินตัดหน้า
ทีมงานช้างศึกต้องปรับกระบวนทัพใหม่ ลงทุนกันไม่กี่บาทด้วยปากกาเมจิก เขียนคำว่า "เสื้อสีน้ำเงิน" ลงชุดแข่งขันสีแดงแทน
ผลแข่งขันรวม 2 นัดออกมา ทีมไทยในชุดสีแดงได้แชมป์สมใจ จะด้วยฟอร์มเตะหรือความฟิตก็ตาม แต่เคล็ดนี้ทำเอาเสือเหลือง "นะจังงัง" โดยไม่รู้ตัว ยิงนำไทยถึง 3-0 จู่ๆแชมป์หลุดมือเฉยเลย
"กล้องจิ๋ว"ติดรองเท้า
เพราะแชร์ภาพในโลกออนไลน์แท้ๆ ทำเอาชีวิตคนหนึ่งๆ หาเช้ากินค่ำ ตกเป็นจำเลยของการคลิกไลค์ กดแชร์กันสนั่นลั่นเมือง เมื่อชายหนุ่มคนหนึ่งถูกผู้ร่วมทางแอบถ่ายภาพขณะยืนบนรถไฟฟ้าบีทีเอส โดยเฉพาะพิรุธตรงรองเท้าที่สวมใส่ขาดเป็นรูตรงหัวเท้า
ผู้โพสต์สวมวิญญาญเชอร์ล็อก โฮล์มส์ เห็นเพียงพริบตาก็แตะคีย์บอร์ดสนุกมือเลยว่า รูรองเท้าอาจจะเป็นที่ซ่อนกล้องเพื่อใช้ถ่ายใต้กระโปรงสาวๆ หรือไม่อย่างไร?
โลกออนไลน์มีความเร็วเป็นอาวุธ มีการแชร์กันออกไป ข้อวิพากษ์วิจารณ์มากมายถาโถมใส่หนุ่มรองเท้ามีรูกันพัลวัน มีคนกดไลค์ แจกด่ากันสนุกสนาน
กว่าที่เจ้าของรองเท้ามีรูจะตั้งสติได้ก็เดินเข้าโรงพักบางนาชี้แจงเป็นบันทึกหลักฐานพร้อมโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว "วุฒิ ลิมปนาทไพศาล" ทำนองว่า รองเท้าเน่าๆ ที่เห็นเกิดจากงานเป็นช่างซ่อมแอร์ ต้องใช้ไฟร้อนเชื่อมเหล็ก ประกายไฟก็จะตกใส่รองเท้าจนขาดเป็นรู ทำเอาชีวิตที่เคยขึ้นบีทีเอสกลับต้องไปนั่งเหงาเดียวดายอยู่ในแท็กซี่แทน
หลังชี้แจงออกไปคำสาปก็ถูกคลายออกชาวเน็ตพากันให้กำลังใจ ส่วนมือโพสต์บอกเพียงว่าเสียใจที่เจอคำพูดต่างๆ กระเด้งใส่กลับ ยังยืนกรานอีกว่าไม่ได้มีเจตนาทำให้ใครเสียหายเเต่อย่างไรเลย....
โถ ละเลงคีย์บอร์ดจนหลังพิงฝาแล้วยังไม่ยอมรับอีก
"หนุ่มฟิล์ม"ฮาไม่ออก
กระเเส "ไอซ์ บักเก็ต ชาลเลนจ์" กระหึ่มในโลกออนไลน์พักใหญ่ บุคคลที่มีชื่อเสียงทั่วโลกต่างๆ เทราดน้ำแข็งกันสนุกสนาน
เช่นเดียวกับ "ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์" ดาราหนุ่มรูปหล่อ ก็เล่นด้วย พร้อมกับแชร์คลิปผ่านอินสตาแกรม แต่เนื้อหามีมากกว่าใคร เพราะหลังเทน้ำแข็งราดตัว ในคลิปดันมีตำรวจเกาหลีเข้ามาสั่งเทียบปรับคิดเป็นเงินไทย 5 พันบาท
แต่กลับมีคนไทยและเกาหลีจำนวนหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่าเป็น "คลิปจัดฉาก" ทุกอย่างในคลิปประจวบเหมาะกันไปหมด โดยเฉพาะตำรวจเกาหลีที่โผล่เข้ามา แถมยังวิพากษ์ชุดแต่งกายโปลิศก็ไม่ถูกต้อง
ชาวเกาหลีบอกอีกว่า การที่ฟิล์ม รัฐภูมิ อ้างว่าเกาหลีใต้ห้ามเล่นไอซ์ บักเก็ต ชาลเลนจ์ เพราะเป็นนโยบายประหยัดน้ำ แต่ที่จริงไม่เคยมีข้อห้ามจำกัดสิทธิใดๆ เลย
สุดท้าย พ่อหนุ่มฟิล์มโพสต์ชี้แจงใหม่ว่า "...เก่งกันจังเรื่องว่าคนอื่น ตัวปลอมทั้งนั้น มีมาบอกอีกเนกไทไม่ใช่ เก่งอีกแล้ว เบื่อ!!ผมมีแต่ทำความดีช่วยสังคมและผมก็จะทำต่อไป จบ แม่งไม่หยุดเดี๋ยวเจอกัน..."
สรุปแล้ว ฟิล์มไม่ฮาแต่คนอ่านฮากว่า...
"เชิญตู่-จตุพร"เปิดอาคาร
องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ระเบิดไอเดียที่จะผุด "พิพิธภัณฑ์คางคก" ขึ้นเป็นแห่งแรกของประเทศไทยและของโลก โดยเนรมิตพื้นที่แถวอ่างเก็บน้ำลำทวน ใน จ.ยโสธร เป็นที่ตั้ง เป็นแหล่งรวบรวมคางคกทุกสายพันธุ์ทั่วโลกกว่า 500 ชนิด มาจัดแถวให้ดูกัน
รูปตัวอาคารจะสร้างให้เหมือนคางคกยักษ์ ความสูงเท่าอาคาร 5 ชั้น หรือประมาณ 19 เมตร พื้นที่ใช้สอยประมาณ 835 ตารางเมตร
ใครเกลียดคางคกได้กรี๊ดกันลั่นอ่างเก็บน้ำแน่ ในแต่ละชั้นจะใส่เนื้อหารายละเอียด ทั้งการจัดแสดงตำนานพญาคันคากหรือคางคก เพื่อให้รู้ว่าคางคกไม่ใช่สัตว์น่ารังเกียจ แต่มีประโยชน์มหาศาลต่อระบบห่วงโซ่อาหาร
ครั้นพอตีข่าวออกไป มีคนร่วมแสดงความคิดเห็นกันใหญ่ ต่างเสนอเป็นเสียงเดียวว่า หากก่อสร้างเสร็จควรจะให้คนที่เหมาะสมที่สุดเป็นประธานตัดริบบิ้น ไม่ใช่นายกฯหรือรัฐมนตรี
หากแต่เป็น "ตู่-จตุพร พรหมพันธุ์" คนเดียวเท่านั้น
ตึกสีลูกกวาด
ช่วงนี้ใครมีธุระไปแถวกระทรวงแรงงานอาจสะดุดตากับสีสันของตัวอาคารหลังหนึ่งที่ทาออกมาหลากสีสันสดใส หลายคนมาแล้วต้องถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก
แท้จริงแล้วเป็น "ตึกลูกกวาด" หรือ "ศูนย์บริการจัดหางานเพื่อคนไทย"
ไอเดียเป็นของ "บิ๊กเต่า" พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.แรงงาน ที่กำลังใช้นโยบาย "คนไทยทุกคนต้องมีงานทำ" เหตุที่ให้ทาสีหลายเฉดก็เพราะว่าอยากให้เป็นที่สนใจของประชาชนเพื่อจะได้จดจำตึกนี้ไว้ โดยเฉพาะคนที่อยากมีงานทำ อยากจะพัฒนาฝีมือแรงงานให้มาที่ตึกลูกกวาด จะมีทุกหน่วยงานคอยดูแลครบวงจร
"ผมว่าประชาชนน่าจะชอบนะ ผมเห็นผมยังชอบเลย สดใส สะดุดตาดี" ท่านรัฐมนตรีพูดเอง สรุปเองเสร็จสรรพ
"คิ้วนาธาน"ไม่เคยโกงใคร
ถ้าจะไม่พูดถึงก็เหมือนขาดอะไรไปกับ "นาธาน โอมาน" ที่เคยสร้างความฮือฮาให้คนทั้งประเทศมาแล้ว เมื่อเจ้าตัวโพสต์ภาพคิ้วใหม่ถอดด้ามในยุคสมัยที่การสักคิ้วถาวรแบบ 3 มิติกำลังมาแรง
ใครที่ได้เห็นต่างขยี้ตาดูซ้ำอุทานในใจว่า "คิ้วอะไรฟระเนี่ย????" บ้างก็ว่า คงสักคิ้ว 4 มิติแน่ๆ บ้างก็ว่าน่าจะ 6 มิติ
จนนาธานออกมาชี้แจงว่าเป็น "คิ้ว 4 มิติอาราเบียน" หรือ "คิ้ว 4 คูณ 16 มิติ" ที่ทำตามคำแนะนำจากผู้เฒ่าหนองจอก กรุงเทพฯ เมื่อ 3 ปีก่อน โดยใช้ไม้แบบมาสคาร่าน้ำมัน ซึ่งเป็นเครื่องหอมของชาวอิสลามมาขีดเขียนคิ้วงามๆ ตามเทคนิคอาหรับ ไม่ได้สักแต่อย่างใด จุดประสงค์นอกจากสะเดาะเคราะห์แล้ว ยังเป็นการขอพรทั้งเรื่องงานและเงิน
เจ้าตัวฟุ้งว่าชีวิตดีขึ้นสมใจ มีงานดีๆ เข้ามา แถมยังมีชายหนุ่มหล่อ รวย เพอร์เฟกต์ เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เข้ามาเติมเต็มในชีวิต หมั้นกันเรียบร้อย
ฉะนั้น หากใครจะมาว่าอะไรเกี่ยวกับคิ้วนาธาน เจ้าตัวหาได้แคร์แล้วสวนทันควันว่า "ทำอะไรก็ผิด คิ้วฉันไปโกงใครหรือไง!"
อืม...นาธานพูดจริงครั้งแรก
"ผมขอไปฉี่ก่อนนะ"
ในเวทีเสวนา "การปฏิรูปพลังงานเพื่อความปรองดองชาติ" ช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา หลวงปู่พุทธอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย นั่งเป็นประธานเสวนา ส่วนฝ่ายฉะคารม ประกอบด้วย ฝ่ายรัฐ ทั้งกระทรวงพลังงาน และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) โดยมี ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ นั่งประธานกรรมการ (บอร์ด) ปตท. เป็นตัวแทน
ขณะที่อีกฝ่ายนำโดย วีระ สมความคิด ตัวแทนเครือข่ายภาคประชาชน รวมทั้ง ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี ร่วมถกเพื่อสอบถามการคืนท่อก๊าซให้รัฐ
งานนี้สู้กันทุกคารม กินเวลายาวนานเกือบ 7 ชั่วโมง ขนาดช่วงเบรกพักกินข้าวกลางวันยังไม่ยอมมีใครหยิบอาหารใส่ท้อง หลวงปู่ก็คุมจังหวะไปเรื่อยๆ
เรื่องการกลั้นอารมณ์ความรู้สึกนั้นทางพระข่มได้ แต่เรื่องการอั้นของเหลวในร่างกายนั้น "หลวงปู่" ทนไม่ไหว เวลาผ่านมาหลายชั่วโมง หลวงปู่เลยจับไมค์บอกทุกคนว่า "ขออนุญาตไปเยี่ยวก่อน อั้นมานานแล้ว"
ประธานขอลุกไปแล้ว บางคนก็ลุกตามไปบ้าง แต่ยี่ห้อ "ปิยสวัสดิ์" ยังนั่งนิ่ง ไม่ลุกด้วย ยังลุยตอบเกือบทุกคำถาม
กระทั่งจบการเสวนา กลุ่มนักข่าวปรี่เข้าสัมภาษณ์ปิยสวัสดิ์ทันที แต่เจ้าตัวกลับออกตัวพูดทันควันว่า "ผมขอไปฉี่ก่อนนะ"
(มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 29 ธันวาคม 2557)