วันที่ 19 ธ.ค. เวลา 19.45 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวต้อนรับผู้นำและแขกผู้มีเกียรติ ในงานเลี้ยงอาหารค่ำการประชุมสุดยอดผู้นำGMS ครั้งที่ 5 (The 5th GMS Summit) ประกอบด้วย สมเด็จมหาอัครเสนาบดี ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา, นายหลี เค่อ เฉียง นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน, นายทองสิง ทำมะวง นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว, นายเต็ง เส่ง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ นายเหวียนเติ้นสุง นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม รัฐมนตรีของกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง GMS นายทาเคฮิโกะ นากาโอะ ประธานธนาคารพัฒนาเอเชียและประธานสภาธุรกิจของกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง GMS ณ โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ
นายกรัฐมนตรี กล่าวในนามของรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย ว่า ตลอดระยะเวลากว่าสองทศวรรษที่ผ่านมา ได้พิสูจน์แล้วว่า พวกเรามีสายตาที่มองไกลในอนาคตจนถึงวันนี้ และได้วางวิสัยทัศน์ร่วมกันที่จะทำให้กลุ่มประเทศที่แม่น้ำโขงไหลผ่านมีความ เจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และมีสังคมที่มีความสุขร่วมกัน
แม่น้ำโขงมิใช่เป็นเพียงแต่แม่น้ำธรรมชาติที่ไหลผ่านประเทศของเราทั้งหลาย แต่แม่น้ำโขงเป็นสายธารแห่งน้ำที่ถ่ายทอดวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนที่ อาศัยอยู่บนสองฝั่งแม่น้ำ เป็นสายธารของวัฒนธรรมที่มีความเป็นเอกลักษณ์ มีความละม้ายคล้ายคลึงกัน แทบจะแยกออกจากกันไม่ได้ และเป็นสายธารของประวัติศาสตร์ที่ถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษของเรา รุ่นแล้วรุ่นเล่า ที่พวกเราทุกคนจะต้องร่วมมือกันรักษาไว้สำหรับคนรุ่นต่อไป
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยี่สิบปีก่อน คงไม่มีใครเชื่อว่า ประชาชนของเราจะสามารถเดินทางไปมาหาสู่กันได้อย่างสะดวกเช่นทุกวันนี้ ก็เพราะวิสัยทัศน์ของเราที่ร่วมมือกัน ก็เพราะความเพียรพยายาม ก็เพราะความอดทนของเราในยามยากหลายครั้งหลายหน ก็เพราะการทำงานอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ก็เพราะการทำงานอย่างมีแบบแผน จึงทำให้เราประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งเพื่อ เชื่อมโยงประชาชน 320 ล้านคนเข้าด้วยกัน
เป็นที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ทางด้านตะวันตก การก่อสร้างขยายถนนระหว่างเมืองเมียวดีและกอกะเร็กของเมียนมาร์ จะแล้วเสร็จในเดือนพฤษภาคม ปีหน้า ซึ่งผมได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมของไทยเร่งรัดการก่อสร้างให้แล้วเสร็จก่อน เทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงในปีหน้า เพื่อเป็นของขวัญให้กับประชาชนชาวเมียนมาร์ได้เฉลิมฉลองวันปีใหม่ 2558 ได้ทัน และจะทำให้การพัฒนาเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก เสร็จสมบูรณ์
และเชื่อว่าการเดินทางจากกรุงย่างกุ้ง ผ่านอำเภอแม่สอด ไปยังจังหวัดมุกดาหาร เข้าสู่เมืองสะหวันนะเขต ของ สปป.ลาว และต่อไปยังเมืองลาวบาว และเข้าสู่ทางหลวงแผ่นดินไปยังเมืองดานังขอสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามได้
"ในอนาคตอันใกล้นี้ เราจะสามารถพัฒนาเส้นทางรถไฟเชื่อมประเทศแม่น้ำโขงได้สำเร็จ อย่างน้อย 2 เส้นทางคือ (1) เส้นทางรถไฟเชื่อมอำเภออรัญประเทศและปอยเปตด้วยความร่วมมือระหว่าง ไทย-กัมพูชา และ (2) เส้นทางรถไฟเชื่อมต่อจังหวัดหนองคาย-นครหลวงเวียงจันทน์-คุนหมิง โดยเฉพาะความร่วมมือระหว่างไทย-จีนในการพัฒนาเส้นทางรถไฟระบบรางมาตรฐานใน ช่วงภายในประเทศ" นายกรัฐมนตรี กล่าว