เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ว่าที่ประชุมมีมติให้ปรับลดราคาน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 1 บาท และเบนซินลิตรละ 2 บาท โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคมนี้ ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าโครงสร้างราคาน้ำมันในปัจจุบันมีการบิดเบือนทั้งหมดเพราะคนหันไปใช้ก๊าซแอลพีจีในภาคขนส่งกันมากขึ้นจนทำให้ต้องนำเข้า แต่ในส่วนก๊าซแอลพีจีภาคครัวเรือนจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง
นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงคงมีความจำเป็นต้องมีไว้
เพื่อสำหรับดูแลในช่วงที่ราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นจะได้ไม่เดือดร้อนตอนนี้สถานะเรามีเงินอยู่ในกองทุนฯประมาณ 2 หมื่นล้านบาทของเก่าที่ติดลบกว่าหมื่นล้านบาท ซึ่งการปรับโครงสร้างราคาพลังงานนั้นเริ่มดำเนินการตั้งแต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เข้ามา ในวันข้างหน้าก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับลดราคาน้ำมันลงอีก
“ตั้งแต่ คสช.เข้ามาได้ทำเรื่องพลังงาน ก็ทำมาตลอดทั้งการลดภาษี ลอยตัวก๊าซ ทุกอย่างเริ่มเป็นปกติ ในวันข้างหน้าอาจจะลดมากกว่านี้ก็ได้ แต่ขอให้เกิดความแน่นอนก่อน เพราะยังหวือหวาอยู่ และกองทุนน้ำมันฯ ก็ต้องเก็บไว้ เอาไว้ support” นายกรัฐมนตรี กล่าวและว่า การประชุมครั้งนี้ถ้าจะให้ราคาน้ำมันทุกชนิดลดราคาลงเหลือต่ำกว่า 30 บาทยังไม่ได้ ต้องเข้าใจด้วย
“รัฐบาลจะพยายามดูแลช่วยเหลือคนจนหรือผู้มีรายได้น้อยให้เหมือนเดิม อย่างเช่น รถมอเตอร์ไซต์รับจ้างต้องรับภาระเสียภาษีถึง 6 บาท แต่วันนี้ก็จะลดลง ซึ่งเรื่องดังกล่าวจะมีผลดีกับประเทศไทยระยะยาวอย่างแน่นอน และการปรับลดราคาน้ำมันครั้งนี้ก็เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน ซึ่งถ้ารวมยอดตั้งแต่คสช.เข้ามาทำหน้าที่แล้ว เราลดราคาน้ำมันไปเกือบ 10 บาท”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาเป็นการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.)
โดยนายณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว.พลังงาน แถลงผลประชุมกบง.ว่าที่ประชุมพิจารณาปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อให้เป็นไปตามมติกพช. โดยกบง.เห็นชอบปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ สำหรับน้ำมันเบนซินและน้ำมันแก๊สโซฮอลทุกชนิดลง 1 บาท/ลิตร ยกเว้น E85 และน้ำมันดีเซล ปรับลดลง 0.30 บาท/ลิตร โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคมนี้เป็นต้นไป
สำหรับน้ำมันดีเซล หากมีการปรับภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ก็จะปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯของดีเซลลงอีก 2.75 บาท/ลิตร ซึ่งเป็นจำนวนที่เท่ากับภาษีที่ปรับเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งจะส่งผลให้น้ำมันดีเซลมีอัตราจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ เหลืออยู่เพียง 1.75 บาท/ลิตร โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่มีการเพิ่มภาษีสรรพสามิตของน้ำมันดีเซล
ผลจากการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯครั้งนี้ ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินและน้ำมันแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดลดลง 2 บาท/ลิตร ส่วน E85 ราคาขายปลีกจะลดลง 0.20 บาท/ลิตร และน้ำมันดีเซลราคาขายปลีกลดลง 1 บาท/ลิตร
ทั้งนี้ กองทุนน้ำมันฯ จะมีสภาพคล่องลดลงจากเดิมมีรายรับประมาณ 10,000 ล้านบาท/เดือน เหลือเพียงประมาณ 4,600 ล้านบาท/เดือน ขณะเดียวกันผลจากการปรับอัตราภาษีสรรพสามิตของน้ำมันดีเซลทำให้รายได้รัฐจากภาษีสรรพสามิตน้ำมันเพิ่มขึ้นประมาณ 3,950 ล้านบาท/เดือน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มติกพช.ปรับลดราคาน้ำมันดังกล่าวส่งผลให้ราคาดีเซล
ลดจาก 27.89 บาท/ลิตร เหลือ 26.89 บาท/ลิตร ส่วนน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 จาก 32.30 บาท/ลิตร เหลือ 30.30บาท/ลิตร น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 จาก 30.28 บาท/ลิตร เหลือ 28.28 บาท/ลิตร น้ำมันแก๊สโซฮอล์อี 20 จาก 28.98 บาท/ลิตร เหลือ 26.98 บาท/ลิตร และแก๊สโซฮอล์ อี 85 จาก 22.68 บาท/ลิตร เหลือ 22.48 บาทต่อลิตร
ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 10.00 น. กลุ่มเครือข่ายปฏิรูปพลังงาน ภาคประชาชน
โดยเครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศ สภาธรรมาภิบาล สภาปฏิรูปพลังงานไทย เครือข่ายปฏิรูปพลังงานภาคประชาชน กลุ่มทวงคืนพลังงานไทย จำนวน 15 คน นำโดย พท.พญ.กมลพรรณ ชีวพันธ์ศรี เข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ลดราคาก๊าซ หยุดขึ้นค่าแท๊กซี่ และปลดนายณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว.พลังงาน โดยมีนายสุขสวัสดิ์ สุวรรณวงศ์ หัวหน้าฝ่ายประสานมวลชน ศูนย์บริการประชาชน เป็นผู้รับเรื่อง