วันนี้ (11 ธ.ค. 57) พลตรีณัฐ อินทรเจริญ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ นายวันชัย โอสุคนทิพย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี
ได้ร่วมกันสั่งการ พ.ท.สถาพร เตี๊ยะเพชรดี ผู้บังหน่วยควบคุมความสงบ กองพันที่ 1 กองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ และนายศรัทธา คชพลายุกต์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ร.อ.ต่อพงษ์ ศิริลัย ผู้บังคับกองร้อย ทหารพราน.ที่ 1405 ร.ท.รตินนท์ เสนาณรงค์ ผู้บังคับกองร้อย รักษาความสงบอำเภอเมืองกาญจนบุรี กองพันที่ 1 กรมทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ นายสุวิทย์ มากแก้ว ปลัดอำเภอเมืองกาญจนบุรี นำกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าขนส่งจังหวัดกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่จัดหางาน พร้อมด้วยกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และอาสาสมัครรักษาดินแดน ทำการตั้งจุดตรวจจุดสกัดที่บริเวณใกล้สามแยกอนามัยบ้านพุน้ำร้อน หมู่ 12 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ห่างจากชายแดนบ้านพุน้ำร้อนประมาณ 3-4 กิโลเมตร เพื่อสกัดกั้นขบวนการขนแรงงานชาวลาวและชาวเมียนมาร์ ที่มาทำการปั๊มพาสปอร์ตเพื่อต่ออายุพาสปอร์ตในการอยู่ในประเทศไทย
โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจค้นรถยนต์กระบะโฟวิล สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน บม 4923 กาญจนบุรี
พบว่า ที่กระบะหลังของรถคันดังกล่าวบรรทุกกระเป๋าสัมภาระต่างๆ มาเต็มคัน จึงได้ทำการตรวจสอบ นายวิน ชาวพม่าที่อ้างตนว่าเป็นกะเหรี่ยง เคเอ็นยู และจากการตรวจสอบเอกสารของ นายวิน พบว่า พาสปอร์ตของ นายวิน ไม่เคยมีการปั๊มตราการเดินทางผ่านเข้า-ออกเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทั้งๆ ที่ นายวิน ยืนยันว่าตนเองเดินทางเข้าออกระหว่างประเทศวันละอย่างน้อย 2 เที่ยว พร้อมกันนี้ นายวิน ยังได้นำเอกสารที่ทางตำรวจตรวจคนเข้าเมืองอนุญาตให้เดินทางเข้า-ออกมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ด้วย
จากการสอบถามนายวิน ได้ให้การรับสารภาพ โดยอ้างว่า
“ตนจะรับแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาร์เข้า-ออกระหว่างประเทศไทยและประเทศเมียนมาร์ ทุกวันๆ ละประมาณ 40-50 คน โดยต้องจ่ายเงินให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจตามป้อมๆ ละ 1,000 บาทต่อเที่ยว และยังต้องจ่ายค่ารถที่ใช้ผิดประเภทให้แต่ละป้อมอีกเดือนละ 6,000 บาทต่อเดือน นอกจากนี้ยังต้องจ่ายให้แก่เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน อีก 3 หน่วย และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตชด.บ้องตี้ อ.ไทรโยค ตำรวจ ตม. และยังต้องจ่ายเจ้าหน้าที่ในพื้นที่อีกครั้งละ 2,000 บาท สำหรับการนำแรงงานต่างด้าวเดินทางเข้า-ออกในแต่ละครั้งจะต้องทำบอร์เดอร์พาส โดยจะเสียค่าทำบอร์เดอร์พาสให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 3,200 บาท/คน ซึ่งสามารถอยู่ในประเทศไทยได้ 7 วัน และเมื่อครบกำหนด 7 วันแล้ว ตนก็จะเป็นคนนำใบบอร์เดอร์พาสดังกล่าว มาให้เจ้าหน้าที่ปั๊มว่าแรงงานต่างด้าวพวกนี้ได้เดินทางกลับเข้าประเทศเมียนมาร์แล้ว ทั้งๆ ที่แรงงานต่างด้าวดังกล่าวยังอยู่ในประเทศไทย”
“ในส่วนชาวเมียนมาร์ที่เดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านที่ประเทศเมียนมาร์ส่วนใหญ่จะใช้บอร์เดอร์พาสในการเข้า-ออก แต่ปัจจุบันแรงงานต่างด้าวชาวพม่าได้ใช้บัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย (บัตรสีชมพู) ที่ทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกให้ ใช้เป็นบัตรเดินทางเข้า-ออกประเทศ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจะใช้วิธีถ่ายเอกสาร A 4 แล้วให้แรงงานต่างด้าวที่เดินทางเข้าประเทศเมียนมาร์ ถือไว้ ส่วนบัตร คสช.ตัวจริงนั้น เจ้าหน้าที่ได้ทำการเก็บไว้ และเมื่อแรงงานต่างด้าวเจ้าของบัตรต้องการกลับเข้ามาทำงานในประเทศไทยอีก ก็จะเอาใบที่ถ่ายเอกสารมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ ก็จะสามารถรับบัตรแรงงาน คสช.คืน โดยเสียค่าใช้จ่ายในการถ่ายเอกสารในราคาใบละ 50 บาท” นายวิน กล่าว
ทั้งนี้ในแต่ละวันจะมีแรงงานประเภทนี้เดินทางเข้า-ออกวันละไม่ต่ำกว่า 100 ราย
จึงเป็นการสร้างรายได้ให้แก่เจ้าหน้าที่อีกทางหนึ่งได้เป็นอย่างมาก ทั้งๆ ที่บัตรแรงงานต่างด้าว คสช. หากแรงงานต่างด้าวเดินทางออกนอกประเทศแล้วจะไม่มีสิทธิ์ในการกลับเข้ามาทำงานได้อีกเลย เพราะเจ้าหน้าที่จะต้องทำการยึดบัตรแรงงานต่างด้าว คสช.คืน แต่ปรากฏว่า ด่านพุน้ำร้อนกลับทำในลักษณะดังกล่าว
นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบว่า ชาวลาวที่มีพาสปอร์ต นักท่องเที่ยว มาประทับตรา เข้า-ออก ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองบ้านพุน้ำร้อน ทุกเดือน บางรายใช้พาสปอร์ตนักท่องเที่ยวมาประทับตราเข้า-ออก กว่า 2 ปีแล้ว แต่พอเจ้าหน้าที่จัดหางานสอบถาม กลับตอบว่าไม่ได้ทำงานแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม พลตรีณัฐ อินทรเจริญ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ และทางจังหวัดกาญจนบุรี กำลังรวบรวมข้อมูลพร้อมทั้งเอกสารหลักฐานต่างๆ เพื่อดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวต่อไป
ด่านพุน้ำร้อน เมืองกาญจน์ ฉาว! หลังชาวพม่าแฉพฤติกรรม จนท.รับส่วยอื้อ
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอื่นๆ ด่านพุน้ำร้อน เมืองกาญจน์ ฉาว! หลังชาวพม่าแฉพฤติกรรม จนท.รับส่วยอื้อ