อึ้ง! ชาวนาชัยนาท กู้เงิน4หมื่นผ่านไป30ปี ยอดทะลุ69ล้าน ร้องศูนย์ดำรงธรรมช่วย
วันที่ 30 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท เป็นประธานในพิธีมอบคืนโฉนดที่ดินจำนวน 46 ไร่ ที่นายทิ้ง ชั้นตะ ชาวนาใน ต.ลคุ้งสำเภาอ.มโนรมย์ นำไปเป็นหลักทรัพย์การกู้ยิมเงินกับนายเฉลียว หรั่งมา เมื่อกว่า 15 ปีก่อน ซึ่งจัดขึ้นที่บริเวณห้องโถงศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชัยนาท ภายในอาคารศาลากลางจังหวัดชัยนาท ถ.พรหมประเสริฐ อ.เมืองชัยนาท
ก่อนหน้านี้นายทิ้ง ชั้นตะ อายุ79 ปี อยู่บ้านเลขที่ 68 ม.3 ต.คุ้งสำเภา อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท
ซึ่งมีอาชีพทำนาข้าวได้เดินทางเข้ายื่นเรื่องราวร้องทุกข์กับศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทยที่กรุงเทพมหานคร ว่าถูกนายเฉลียว หรั่งมา อายุ 67ปี อยู่บ้านเลขที่70/1 ม.1 ต.คุ้งสำเภา อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท เจ้าหนี้คิดดอกเบี้ยเงินกู้แพงเกินจริงคือร้อยละ3บาท/เดือน ทำให้จากมูลหนี้ก้อนแรกจำนวน 40,000 บาท เมื่อเวลาผ่านไปเกือบ 30 ปี มีการคิดดอกเบี้ยทบต้นจนปัจจุบันมีจำนวนเงินที่ตน เองจำต้องเป็นหนี้นายเฉลียวกว่า 69 ล้านบาท เมื่อศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทยได้รับเรื่องร้องทุกข์ของนายทิ้งแล้วจึงส่งเรื่องมาที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชัยนาท ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดฝ่ายปกครอง ตำรวจ และทหารได้เข้าเป็นตัวกลางในการเจรจาไกล่เกลี่ยกับคู่กรณี ทั้ง 2 ฝ่ายในทันที โดยผลการเจรจา นายเฉลียวเจ้าหนี้ยินยอมลดหนี้ให้นายทิ้งลูกหนี้เหลือ150,000บาทซึ่งเป็น จำนวนที่นายทิ้งพึงพอใจ พร้อมกันนี้นายเฉลียวได้นำโฉนดที่ดินจำนวน 46 ไร่ มามอบคืนให้กับนายทิ้ง โดยนายทิ้งได้มอบเงินผ่อนชำระคืนก้อนแรกให้นายเฉลียวเป็นเงิน 20,000 บาทด้วย
นายทิ้งเปิดเผยว่าหลังจากกู้ยืมเงินจำนวน 40,000 บาท จากนายเฉลียวมาเมื่อประมาณ ปี 2528-29
ฐานะทางการเงินของครอบครัวก็ยังคงมีปัญหาเพราะต้องส่งลูกเรียนหนังสือถึง 5 คน ทำให้ในบางปีต้องขาดส่งดอกเบี้ย ทำให้ถูกนำดอกเบี้ยในปีนั้นมารวมเป็นเงินต้นด้วย และต่อมาเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2541 นายเฉลียวได้เรียกตนไปทำสัญญาเงินกู้ฉบับใหม่ โดยระบุยอดเงินกู้เพิ่มเป็น 837,000บาท โดยตนเองได้นำโฉลดที่นาเลขที่ 2004 หน้าสำรวจ188 ต.วัดโคก อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาทไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้จำนวนดังกล่าวไว้
ต่อมาวัน ที่ 1 กรกฎาคม 2542 นายเฉลียวได้เรียกตนไปเปลี่ยนสัญญาเงินกู้อีกครั้งโดยเพิ้ม มูลหนี้ขึ้นอีกเป็นจำนวน1,180,000 บาท
เมื่อตนเห็นตัวเลขยอดหนี้ที่สูงถึงกว่า1ล้านบาทก็ตกใจจึงขอคำอธิบายจากนาย เฉลียวซึ่งปรากฏว่านายเฉลียวมีการคิดดอกเบี้ยทบต้นในอัตราร้อยละ 3 ต่อเดือนมา โดยตลอดจนถึงปัจจุบัน ทำให้มีมูลหนี้ทั้งหมดรวมเป็นเงิน69ล้านบาทเศษ ตนเห็นว่าเป็นการคิดดอกเบี้ยที่ไม่เป็นธรรมจึงได้เข้าขอความช่วยเหลือจาก ศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย ซึ่งจากการเจรจาลดหนี้เหลือ 1.5 แสน นั้นตนเองก็อายุมากแล้วไม่สามารถทำงานหนัก หาเงินมาใช้หนี้เองได้คงต้องพึ่งลูกๆที่จะรับหน้าที่หาเงินมาผ่อนจ่ายให้ เจ้าหนี้ดังกล่าวแทน
ด้าน นายเฉลียว ซึ่งเป็นเจ้าหนี้เปิดเผยว่าที่ ผ่านมาตนเองคิดดอกเบี้ยตามอัตราที่ตกลงกันไว้ ไม่ได้เจตนากลั่นแกล้งลูกหนี้แต่อย่างใด
แต่ด้วยความที่นายทิ้งขาดส่งดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นเวลานานทำให้ดอกเบี้ย เมื่อนำไปรวมกับเงินต้น ทำให้กลายเป็นมูลหนี้ที่มีการเติบโตเร็ว แต่จากการเจรจากันโดยมีศูนย์ดำรงธรรมเป็นตัวกลางนั้น ตนเองไม่ได้รู้สึกกดดันแต่อย่างใด เพราะตนถือว่าลูกหนี้เองก็เป็นเพื่อนบ้านกัน และทรัพย์สินเงินทองเป็นเพียงของนอกกาย เมื่อการลดหนี้จะทำให้นายทิ้งมีโอกาสในการปลดหนี้และตนเองก็ได้รับเงินต้น คืนตนเองก็รู้สึกยินดี
อึ้ง! ชาวนาชัยนาท กู้เงิน4หมื่นผ่านไป30ปี ยอดทะลุ69ล้าน
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอื่นๆ อึ้ง! ชาวนาชัยนาท กู้เงิน4หมื่นผ่านไป30ปี ยอดทะลุ69ล้าน