หนุ่มใหญ่วัย 41 สมาชิกแก๊งลักรถ พัฒนาวิธีการก่อเหตุแนวใหม่ ไม่ต้องใช้เครื่องมืองัดแงะหรือกุญแจผี แต่ใช้คารมหลอกล่าเหยื่อสาวจนตายใจ จนเสียทั้งรถและเสียทั้งตัว ทั้งยังทำตัวเป็นพลเมืองดีพาไปแจ้งความเสร็จสรรพ ก่อเหตุมาแล้วหลายราย ส่วนใหญ่เหยื่อจะอับอายไม่กล้าเอาเรื่อง
แต่ไม่ใช่กับรายล่าสุดที่แจ้งความเอาผิดจนถูกตำรวจนครบาลตามล่าตัว แถมตั้งรางวัลนำจับอีก 30,000 บาท จนคนร้ายต้องหนีไปกบดานนับปี จนคิดว่าเรื่องเงียบแล้วจึงย้อนกลับมา สุดท้ายถูกลากคอเข้าซังเตชดใช้กรรม คดีจับจิ้งจอกสังคมมหาภัยเกิดขึ้นช่วงค่ำวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา ร.ต.อ.ธงชัย แก้วทา รอง สว.สส.สน.ประเวศ ได้รับข้อมูลจากสายว่าพบตัว‘นายรทนะ จูทะจันทร์’ หรือช้าง อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาตามหมายศาลจังหวัดพระโขนง เลขที่ส.577/2556 ลงวันที่ 24 ต.ค. 56 ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน กลับมาเดินป้วนเปี้ยนอยู่ซอยรามคำแหง 21 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ ไอ้หมอนี่เป็นคนร้ายตัวแสบที่ตำรวจตามรอยมานานนับปีแล้ว เมื่อได้เบาะแสจึงรีบรายงานขึ้นไปยัง พ.ต.ต.ปกรณ์ ทอง สว.สส.สน.ประเวศ รับทราบ ก่อนร่วมกันนำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนออกไปตรวจสอบซุ่มดูอยู่ไม่นานก็พบเป้าหมาย เดินอยู่บริเวณกลางซอยรามคำแหง 21 จึงแสดงตัวเข้าจับกุมเอาไว้ได้
พ.ต.อ.วัชรพงศ์ ดำรงค์ศรี รอง ผบก.น.4 พร้อมด้วยพ.ต.ต.ปกรณ์ และชุดสืบสวนร่วมกันสอบปากคำ ผู้ต้องหารับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับ และก่อเหตุดังกล่าวจริง พ.ต.อ.วัชรพงศ์ระบุว่าว่าคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อเดือน ต.ค. 2556 นายรทนะพร้อมด้วย พยาบาลสาวผู้เสียหาย เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ประเวศ ว่าถูกคนร้ายขโมยรถเก๋งยี่ห้อซูซูกิ รุ่นสวิฟต์ สีแดง ทะเบียนป้ายแดง ของพยาบาลสาว ไปจากลานจอดรถของโรงแรมแห่งหนึ่งย่านพัฒนาการ แขวงและเขตประเวศ ระหว่างสอบปากคำนายรทนะ ฉวยจังหวะแอบหยิบกุญแจรถหลบหนีไป หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนจึงลงมือตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ทั้งของโรงแรมที่เกิดเหตุ และบริเวณใกล้เคียง จนพบว่าแท้ที่จริงแล้ว นายรทนะ นั่นเองที่เป็นตัวการก่อเหตุทั้งหมด
พบว่านายรทนะขโมยกุญแจรถออกมาให้คนร้ายอีกรายขับออกไปจากโรงแรม จากนั้นจึงนำลูกกุญแจมาส่งคืนให้ และทำทีเป็นพาเหยื่อเข้าแจ้งความ แต่เมื่อความแตกจึงเผ่นหนีไปกระทั่งตำรวจจับกุมได้ในที่สุด นายรทนะสารภาพว่าก่อเหตุทำนองนี้มาแล้วหลายครั้ง โดยอาศัยที่รูปร่างหน้าตาดีจึงหลอกสาวๆ เน้นพวกที่มีอายุ ก่อนแลกเปลี่ยนเบอร์โทร.และไลน์เพื่อจีบ จนเหยื่อหลงเชื่อนัดร่วมหลับนอนกันที่โรงแรม อาศัยจังหวะที่เหยื่อนอนหลับแอบขโมยกุญแจมาให้ญาติที่รออยู่ขับรถไปซ่อนที่อื่น ก่อนนำกุญแจกลับมาเก็บไว้ที่เดิม เมื่อเหยื่อตื่นขึ้นเห็นว่ารถหายหรือทรัพย์สินบางส่วนในรถหายไปส่วนใหญ่ไม่กล้าแจ้งความเพราะอับอาย
ส่วนนายรทนะ ก็จะชิ่งหายไปหาเหยื่อรายใหม่ต่ออีก
กระทั่งมาเหยื่อรายล่าสุดเป็นพยาบาล ใช้วิธีการเหมือนเดิม กระทั่งช่วงเช้าผู้เสียหายตื่นมาเตรียมกลับมาที่รถ ก็พบว่ารถหายไปแล้ว ซึ่งผู้ต้องหาก็ทำทีตกใจ แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนพาผู้เสียหายมาแจ้งความ แล้วอาศัยช่วงชุลมุนแอบขโมยกุญแจรถผู้เสียหายหลบหนีไปจาก สน.ประเวศ
จิ้งจอกสังคมระบุว่าได้เงินส่วนแบ่งจากการขายรถของพยาบาลสาวมา 30,000 บาท กระทั่งต่อมาทราบว่าตำรวจจับกุมเพื่อนร่วมแก๊งได้ และออกหมายจับแถมขึ้นบัญชีในปฏิทินโจรกรรมรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ลำดับที่ 21 มีรางวัลนำจับ 30,000 บาท จึงหนีออกจากกรุงเทพฯไปตามที่ต่างๆ
สุดท้ายหลบไปบวชกบดานอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งที่ จ.พิจิตร จนผ่านไป 1 ปี คิดว่าเรื่องเงียบไปแล้ว จึงย้อนกลับกลับเข้ามากรุงเทพฯ ก่อนจะมาก็ถูกจับกุมตัวได้ดังกล่าว ถือเป็นอีกหนึ่งเล่ห์เหลี่ยมกลโกง ของเหล่ามิจฉาชีพที่พัฒนารูปแบบอยู่ตลอดเวลา หากผู้ใดตามไม่ทันย่อมหลงกลตกเป็นเหยื่อได้โดยง่าย
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
