วันที่ 13 พฤศจิกายน ที่อาคารศรีสวรินทิรา โรงพยาบาล(รพ.)ศิริราช ศ.คลินิก
นพ.อุดม คชินทร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวระหว่างเปิดการประชุมสัมมนาวิชาการวันป้องกันโรคติดเชื้อศิริราช 2557 เรื่องทัศนะในการควบคุมโรคติดเชื้ออุบัติใหม่และอุบัติซ้ำ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-14 พฤศจิกายนเพื่ออบรมบุคลากรภายในและบุคคลภายนอก ในการป้องกันโรคติดเชื้อ และโรคติดต่ออุบัติใหม่ที่อาจเกิดขึ้น ว่า ปัญหาโรคติดเชื้อในโรงพยาบาลส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
ขณะที่เชื้อไวรัสมักจะเกิดจากการติดเชื้อภายนอกโรงพยาบาล
สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากภายหลังสัมผัสผู้ป่วยแล้วไม่ล้างมือ ทำให้เชื้อแพร่กระจายไปสู่คนอื่น ทั้งเจ้าหน้าที่ภายในโรงพยาบาลที่สัมผัสผู้ป่วยคนหนึ่งแล้วไม่ล้างมือ และไปสัมผัสผู้ป่วยอีกคนก็อาจทำให้ผู้ป่วยคนนั้นติดเชื้อได้ หรือบุคคลภายนอกที่มาเยี่ยมผู้ป่วยก็มีโอกาสติดเชื้อทั้งสิ้น
ศ.คลินิก นพ.อุดม กล่าวว่า สำหรับโรคติดเชื้อที่กำลังเป็นปัญหาไปทั่วโลก คือ เชื้อไวรัสอีโบลา คาดว่าจะมีการแพร่ระบาดมากกว่า 1 ปี และจำนวนผู้ติดเชื้อก็มากขึ้น โดยขณะนี้มีบุคคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อกว่าร้อยละ 7 แล้ว
อย่างไรก็ตาม แอนติบอดีรักษาโรคไข้เลือดออกอีโบลาที่ศิริราชคิดค้นขึ้นก็ถือเป็นความหวังที่จะนำมาช่วยรักษา
โดยวันที่ 16 พฤศจิกายนนี้ ศ.เกียรติคุณ วันเพ็ญ ชัยคำภา หัวหน้าทีมผู้ผลิตแอนติบอดี รักษาโรคไข้เลือดออกอีโบลา ศ.รวงผึ้ง สุทเธนทร์ รองคณบดีฝ่ายวิจัย และนักวิจัย จะนำแอนติบอดีดังกล่าวที่คิดค้นได้ ไปทดสอบที่สถาบันสุขภาพแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา กับเชื้อไวรัสอีโบลาจริง ในห้องปฏิบัติการชีวนิรภัยระดับ 4 ว่าจะสามารถยับยั้งโปรตีนของเชื้ออีโบลาได้หรือไม่ คาดว่าจะทราบผลสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้ หากประสบความสำเร็จก็จะลัดขั้นตอนการทดลองในสัตว์และในคน นำไปใช้รักษาผู้ป่วยในประเทศระบาดทันที
"จากการที่คณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติจะเพิ่มห้องปฏิบัติการในการตรวจเชื้อไวรัสอีโบลาอีก6แห่งซึ่งหนึ่งในนั้นมีศิริราชด้วยนั้น ขณะนี้ศิริราชได้เตรียมความพร้อมโดยสั่งซื้อเครื่องตรวจหาเชื้อไวรัสอีโบลา ซึ่งเริ่มมีจำหน่ายแล้วในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่ไม่มีห้องปฏิบัติการชีวนิรภัยระดับ 4 ซึ่งเครื่องดังกล่าวมีลักษณะเป็นระบบปิด ทำให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยเครื่องตรวจเชื้อไวรัสอีโบลาเครื่องนี้จะเป็นเครื่องแรกที่นำเข้ามาในประเทศไทย โดยเพียงนำเลือดมาตรวจก็สามารถรู้ผลทันที มีราคา 12 ล้านบาท คาดว่า จะมาถึงสิ้นพฤศจิกายนนี้"