"วาฬเพชฌฆาตดำ" เกยตื้นที่จ.สงขลาสิ้นใจแล้ว ผ่าพิสูจน์พบ"เศษถุงปุ๋ย"ในระบบทางเดินอาหาร
วาฬเพชฌฆาตดำ เกยตื้นตายแล้วว ผ่าพิสูจน์!!
จากกรณีเจ้าหน้าที่ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 4 จ.สงขลา และสัตว์แพทย์จากสถาบันวิจัยชีววิทยาจังหวัดภูเก็ตให้การดูแลรักษา "วาฬเพชฌฆาตดำ" ขนาด 3.5 เมตร น้ำหนักประมาณ 150 กิโลกรัม ซึ่งป่วยว่ายน้ำเข้ามาเกยตื้น โดยจ้าหน้าที่ได้ตั้งทีมช่วยเหลือในทะเลบริเวณประตูระบายน้ำบ้านหน้าโกฏ หมู่ที่ 10 ตำบลท่าพญา อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เหตุเกิด เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ที่ผ่านมานั้น
แต่ในที่สุดเจ้าวาฬตัวนี้ ได้เสียชีวิตลงแล้ววานนี้ (7 พ.ย.) ท่ามกลางความเสียใจของเจ้าหน้าที่ที่พยายามช่วยเยื้อชีวิตวาฬเพฌชฆาตอย่างสุดความสามารถถึง 8 วันเต็ม
โดยนายสันติ นิลวัตร นักวิชาการศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง กล่าวว่า ในตอนแรก เจ้าหน้าที่ได้นำวาฬตัวดังกล่าวขึ้นมาบนฝั่ง เพื่อทำการผ่าพิสูจน์ โดยใช้เวลากว่า 1 ชม. จึงแล้วเสร็จ ผลสรุปเบื้องต้นพบสาเหตุที่ทำให้วาฬมีปัญหาผิดปกติในระบบทางเดินอาหารและทางเดินหายใจ โดยพบเศษถุงปุ๋ย เศษเชือกป่านที่ใช้ในการทำประมง และสิ่งแปลกปลอมอื่นๆ ติดอยู่ในระบบทางเดินอาหาร และทางเดินหายใจ ส่งผลให้เกิดการอักเสบ ติดเชื้อ ทำให้ปลาวาฬหายใจติดขัดและมีปัญหาในการกินอาหาร จนทำให้ไม่มีเรียวแรงว่ายน้ำถูกคลื่นซัดมาเกยตื้นชายฝั่ง
“เจ้าหน้าที่พยายามทุ่มเทตามกำลังและความสามารถเพื่อช่วยชีวิตปลาวาฬเพฌชฆาตตัวดังกล่าวเป็นเวลา8วันเต็มๆ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะนำซากวาฬตัวดังกล่าว ไปผ่าพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้งที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่างต่อไป ”
ด้านนายวชิรพงษ์ สกุลรัตน์ ประธานชมรมพิทักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งขนอม กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา ช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา พบว่าทั้งโลมาและวาฬ ที่อาศัยอยู่ในอ่าวไทยและมาเสียชีวิตที่นครศรีธรรมราช เฉลี่ยแล้วไม่ต่ำกว่าปีละ 30 ตัว และจากการผ่าซากพิสูจน์พบว่าส่วนใหญ่ ในกระเพาะอาหารมีเศษกระสอบป่าน กระสอบปุ๋ย เชือกป่านในทะเล ถามว่าคนปกติจะทิ้งขยะเหล่านี้ลงทะเลเองได้หรือ และกลุ่มคนที่ทิ้งก็ต้องเป็นชาวประมงอย่างแน่นอน และเหตุใดถึงต้องทิ้งขยะเหล่านี้