ตร.บึงนาราง พิจิตร กลับทำงานตามปกติ หลัง ผกก.โดนย้าย ต่างจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์เรื่องวุ่นๆ ในโรงพัก
บางนายระบุหากไม่ถูกย้ายอาจถึงขั้นยิงกันแน่ ขณะที่เจ้าของร้านมอเตอร์ไซค์โผล่ทวงเงินเกือบ 3 หมื่นบาท จากผู้กำกับฯ อ้างซื้อไปจัดกิจกรรมคืนความสุขให้ประชาชน เคยทวงถามแต่ถูกต่อว่า กลับมา ด้านผู้กำกับฯ ชี้แจงยิบ ยันเจ้าของร้าน ยินดีมอบจยย.มาร่วมงานเอง เหมือนเป็นการโฆษณาร้าน แต่ถ้าต้องการเงินคืนก็จะให้ ยืนยันไม่ถือโทษโกรธลูกน้องที่ร้องเรียน พร้อมส่งไลน์ขอโทษทุกคน ทำไปเพราะรักลูกน้อง เชื่อเข้าใจผิดมากกว่า
จากกรณี ตำรวจ สภ.บึงนาราง จ.พิจิตร จำนวน 41 นาย ร้องเรียนต่อนายสุรชัย ขันอาสา ผวจ.พิจิตร
โดยกล่าวหา พ.ต.อ.รังสรรค์ กาญจนรัตน์ ผกก.สภ.บึงนาราง แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมกับผู้ใต้บังคับบัญชา และอ้างด้วยว่าชอบใช้อาวุธปืนจี้ไปที่ศีรษะ หน้าอก และเหนี่ยวไกปืน หากลูกน้องทำงานไม่ทันใจ ต่อมาพล.ต.ท.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม ผบช.ภาค 6 มีคำสั่งด่วนให้ พ.ต.อ. รังสรรค์ ออกจากพื้นที่ไปปฏิบัติหน้าที่ บก.สส.ภาค 6 ตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค.เป็นต้นไป พร้อมสั่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ขณะที่พ.ต.อ.รังสรรค์ ผู้ถูกร้องเรียน ชี้แจงว่าตำรวจที่กล่าวหาโดนจับได้เรื่องเงินส่วยแก๊งค้าน้ำมันเถื่อน และกลัวถูกดำเนินคดี เลยหาเรื่องร้องเรียน ตามที่เสนอข่าวไปตามลำดับแล้วนั้น
ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 21 ต.ค. ที่สภ.บึงนาราง จ.พิจิตร ตำรวจทั้ง 41 นายกลับมาทำงานที่โรงพักตามปกติ
ภายหลังที่พ.ต.อ. รังสรรค์ กาญจนรัตน์ ผกก.บึงนาราง ถูกย้ายด่วนออกนอกพื้นที่ไปอยู่บก.สส.ภาค 6 โดยต่างจับกลุ่มพูดคุยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตำรวจบางนายระบุว่าหากไม่มีคำสั่งให้ผู้กำกับฯ ไปช่วยราชการที่อื่น เชื่อว่าอาจจะมีการยิงกันเกิดขึ้นระหว่างตำรวจด้วยกันเองแน่
ตร.เฮ-ย้ายผกก. ไม่งั้นยิงกันแน่!
ขณะ เดียวกันมีนายพงษ์พันธ์ วัชรวงศ์ อายุ 29 ปี เจ้าของร้านจำหน่ายอะไหล่และ รถจักรยานยนต์
ออกมาอ้างด้วยว่า พ.ต.อ. รังสรรค์ติดค้างเงินค่าซื้อรถจักรยานยนต์ 1 คัน ราคา 29,000 บาท ในโครงการคืนความสุขให้ประชาชน อ.บึงนาราง โดยนายพงษ์พันธ์ระบุว่าเคยไปทวงถาม แต่พ.ต.อ.รังสรรค์บ่ายเบี่ยงและตะคอกต่อว่าด้วยถ้อยคำรุนแรง จึงขอให้เอารถมาคืน แต่ก็ถูกปฏิเสธ
ขณะที่พล.ต.ต.กฤษณะ ศิริปิยะวัฒน์ ผบก.พิจิตร กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ถือเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับสภ.บึงนาราง
ทางผู้ประกอบการคงต้องไปทวงคืน หรือแจ้งความฟ้องร้อง ส่วนเรื่องค้างจ่ายค่าไฟฟ้า 6-7 เดือน ตรงนี้ไม่มีปัญหา จะใช้งบประมาณของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หากได้เงินมาก็จ่ายให้ได้เลย และมีคำสั่งให้ พ.ต.อ.สำเริง งามรัตน์ รองผบก.พิจิตร ไปรักษาการแทน ผกก.สภ.บึงนาราง
ต่อมา พล.ต.ท.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม ผบช.ภาค 6 เดินทางไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจตำรวจ สภ.บึงนาราง
และให้สัมภาษณ์ว่า สั่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้ว ส่วนเรื่องสอบวินัยยังทำไม่ได้ ต้องรอผลสอบสวนแล้วเสร็จก่อน ต้องให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ให้ตำรวจทุกนายคำนึงถึงหน้าที่บริการประชาชนเป็นหลัก ส่วนปัญหาของผกก.นั้นมีขั้นตอนทางวินัยอยู่ไม่ต้องวิตกกังวลต่อการปฏิบัติ หน้าที่
ด้านพ.ต.อ.รังสรรค์ ผกก.สภ.บึงนาราง ผู้ถูกกล่าวหาและถูกย้ายออกนอกพื้นที่ไปแล้ว กล่าวถึงกรณีติดค้างค่าซื้อรถจักรยานยนต์ว่า
ไม่ใช่เรื่องที่ไปซื้อรถจักรยานยนต์แล้วไม่จ่ายเงิน เรื่องมีอยู่ว่า อ.บึงนารางจัดงานคืนความสุขให้ประชาชนที่หอประชุม อ.บึงนาราง โดย ผวจ.พิจิตร นายอำเภอบึงนาราง และ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอีกจำนวนมากมาร่วมงาน โดยที่สี่แยกโพธิ์งาม อ.บึงนาราง มีร้านจำหน่ายรถจักรยานยนต์เพิ่งเปิดได้ไม่นาน จึงเข้าไปเชิญชวนให้ร่วมกิจกรรม ตัวแทนจำหน่ายและเจ้าของร้านบอกว่ายินดีร่วมกิจกรรม จึงส่งมอบรถจักรยานยนต์มาให้ 1 คัน เหมือนเป็นการโฆษณาร้านที่เพิ่งเปิด
พ.ต.อ. รังสรรค์กล่าวว่า จากนั้นนำรถจักรยานยนต์มาตั้งโชว์ในงาน สำหรับจับสลากให้ผู้มาร่วมงาน และมีผู้หญิงเป็นผู้โชคดี
โดยมีผวจ.พิจิตรเป็นผู้มอบให้ด้วยตนเอง ผู้หญิงคนนั้นยังร้องไห้ดีใจที่ได้รางวัล หลังจากผวจ.พิจิตรมอบรถให้แล้วก็พูดออกโมโครโฟนในหอประชุมว่า ถือเป็นความโชคดีของชาวบึงนารางที่มีคนใจบุญใจกุศล มอบรถจักรยานยนต์มาร่วมกิจกรรมคืนความสุขให้ประชาชน ขนาดที่ศาลากลางจังหวัดพิจิตร มีงานคืนความสุขให้ประชาชนเหมือนกัน ยังไม่มีรถจักรยานยนต์มาร่วมกิจกรรมเลย
"ผมจึงเข้าไปประสาน กับเจ้าของร้านอีกครั้ง เขาก็ยินดีที่จะมอบรถอีกคันมาให้สำหรับงานที่ศาลากลาง เจ้าของร้านบอกกับผู้ว่าฯ เองว่ายินดีบริจาคร่วมกิจกรรม จากนั้นผมถึงรู้ข่าวว่ามีการทวงเงินค่ารถจากผม และไปร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ถ้าเขาต้องการเงินค่ารถจักรยานยนต์ราคาประมาณ 20,000 กว่าบาท ผมก็พร้อมจะจ่ายให้ เหมือนเป็นการขุดคุ้ยเรื่องเก่ามากล่าวหาผม ถามคนที่อยู่ในงานก็ได้ว่าวันนั้นเขาบริจาคให้ผู้ว่าฯ เอง แต่ผมก็ยินดีจะจ่ายค่ารถให้" พ.ต.อ.รังสรรค์กล่าว
ผก ก.สภ.บึงนารางกล่าวต่อว่า ภายหลังถูกย้ายออกจากพื้นที่ ก็ไม่ถือโทษโกรธ ลูกน้อง และส่งข้อความผ่านไลน์ทางโทรศัพท์มือถือ
บอกขอโทษตำรวจทุกคน หากทำไม่ถูกใจก็ขอโทษสิ่งที่ทำไปด้วย เพราะรักลูกน้องเท่านั้น เชื่อว่าเป็นการเข้าใจผิดกันมากกว่า พร้อมทั้งยินดีรับคำสั่งย้ายจากผู้บังคับบัญชา ขนย้ายข้าวของออกมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมาแล้ว รวมทั้งส่งรายงานเรื่องตำรวจบางนายรับเงินผู้ประกอบการเดือนละ 15,000 บาท ไปด้วย เพราะมีหลักฐานที่สามารถยืนยันได้ ล่าสุดทราบว่าผู้บังคับบัญชาไปตรวจที่ สภ.บึงนาราง ยังชมด้วยว่าโรงพักนี้บริหารงานดี จึงสั่งให้ผกก.ทุกสภ.ในจ.พิจิตร มาศึกษาการบริหารงานที่ตนทำไว้เป็นตัวอย่าง เพราะวางแนวทางไว้ดีมาก