มูลนิธิกระจกเงาเผย! "ยายขายผัดไทยราชวัตร" ย้ายเข้าบ้านพักคนชราเอกชน เนื่องจากแพทย์ระบุว่าคุณยายยังไม่ได้อยู่ในภาวะที่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด จึงไม่สามารถรับตัวไว้เป็นผู้ป่วยในได้
มูลนิธิกระจกเงาเผย! "ยายขายผัดไทยราชวัตร" ย้ายเข้าบ้านพักคนชราเอกชน เนื่องจากแพทย์ระบุว่าคุณยายยังไม่ได้อยู่ในภาวะที่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด จึงไม่สามารถรับตัวไว้เป็นผู้ป่วยในได้
จากกรณีที่มีการแชร์เรื่องราวของยายขายผัดไทยราชวัตร ขายผัดไทยไม่ไหวแล้ว หลังโดนทำร้ายที่ศีรษะเมื่อปลายปี 2556 ทำให้คุณยายขายผัดไทยราชวัตร มีอาการหลงลืมหรือภาวะสมองเสื่อม ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ชาวโซเชียลเน็ตเวิร์กที่ทราบเรื่องได้แห่แชร์ข้อความจนโครงการผู้ป่วยข้างถนน มูลนิธิกระจกเงา ได้รับคุณยายเข้ารักษาและพบว่า คุณยายขายผัดไทยราชวัตร มีอาการป่วยทางจิตเวชนั้น
ล่าสุด วานนี้(2ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่เฟซบุ๊ก มูลนิธิกระจกเงา The Mirror Foundation ได้มีการรายงานความคืบหน้าการช่วยคุณยายขายผัดไทยราชวัตร โดยระบุว่า ปัจจุบันคุณยายได้เข้ารับบริการอยู่ในบ้านพักคนชราของเอกชนเรียบร้อยแล้ว โดยแพทย์เผยว่า คุณยายยังไม่ได้อยู่ในภาวะที่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิดจึงไม่สามารถรับตัวไว้เป็นผู้ป่วยในได้ พร้อมเผยว่า หน่วยงานภาครัฐยังขาดแนวทางในการดำเนินการหรือมองหามุมมองดำเนินการแก้ไขปัญหาที่รอบด้าน
โดยมีข้อความทั้งหมด ดังนี้
"ความคืบหน้าคุณยายขายผัดไทย (ราชวัตร)
เนื่องในวันผู้สูงอายุสากลในวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี ทางโครงการผู้ป่วยข้างถนนมูลนิธิกระจกเงา ขออนุญาตรายงานความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือพร้อมกับการถอดบทเรียน "การให้ความช่วยเหลือคุณยายขายผัดไทย (ราชวัตร)" ซึ่งคุณยายได้รับความช่วยเหลือเป็นที่เรียบร้อย และปัจจุบันคุณยายได้รับการดูแลจากทางญาติของคุณยาย ด้วยการนำคุณยายเข้ารับการบริการในบ้านพักคนชราของเอกชนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เมื่อวันพุธที่ 24 กันยายน 2557 ที่ผ่านมาทางทีมผู้ป่วยข้างถนน มูลนิธิกระจกเงาได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือคุณยายขายผัดไทยแถวราชวัตรไปแล้วตาม พ.ร.บ.สุขภาพจิต จากผลตรวจรักษาของคุณยาย คุณยายมีปัญหาของ "โรคสมองเสื่อม" จึงทำให้มี "อาการจิตเวช" ซึ่งส่งผลให้การใช้ชีวิตประจำวันมีสภาพที่ถดถอยลง
แต่เนื่องจากทางแพทย์ได้ประเมินว่าคุณยายไม่ได้อยู่ในภาวะที่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิดทั้งทางด้านอายุรกรรมและทางด้านจิตเวชจึงไม่สามารถรับตัวไว้เป็นผู้ป่วยในได้ จึงทำให้ต่อมาทางโครงการฯ จึงทำการปรึกษาและเสนอแนวทางกับทางญาติของคุณยายจนสามารถมีการตัดสินใจนำคุณยายเข้ารับบริการของ "บ้านพักคนชราเอกชน"
จากปรากฏการณ์หรือสภาพปัญหาของคุณยายขายผัดไทยทางโครงการผู้ป่วยข้างถนน มูลนิธิกระจกเงา อยากสะท้อนรูปแบบการป้องกันและการจัดการแก้ไขปัญหาหรือบรรเทาปัญหาก่อนที่จะมาถึงจุดที่ยากต่อการแก้ไขปัญหาดังนี้
1. การทำงานเชิงรุกของกลไกระดับย่อยของภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักคุ้มครองสวัสดิภาพชุมชน ศูนย์บริการสาธารณสุข โดยเข้ามาค้นหาคนที่ประสบปัญหาอยู่ คนที่มีแนวโน้มที่จะเป็นกลุ่มเสี่ยงและสร้างกระบวนการติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด มีการประสานส่งต่อเชื่อมโยงการทำงานทั้งแก้ไขปัญหาและป้องกันการเกิดปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ
2. การทำงานในลักษณะสร้างเครือข่ายให้เกิดการดูแลอย่างต่อเนื่องเหนียวแน่นและมีระบบการให้ความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว โดยหน่วยงานภาครัฐควรเป็นเจ้าภาพในการริเริ่ม สนับสนุน ประสานงานให้เกิดการเชื่อมต่อกับหน่วยงานภาครัฐด้วยกันเอง หน่วยงานภาคเอกชน กลุ่มประชาสังคมในชุมชน กลุ่มอาสาสมัครจากภายนอก ทั้งที่มีทักษะเฉพาะที่สำคัญในการเข้ามาเกื้อหนุนการดำเนินการแก้ไขปัญหาและป้องกันปัญหา หรือ กลุ่มคนที่พร้อมเข้ามาเป็นอาสาสมัครจากสภาพบุคคลทั่วไป ให้ได้สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันในการให้การดูแลผู้ประสบปัญหาและป้องกันการที่จะมีผู้ประสบปัญหาเพิ่ม
3. จากประเด็นปัญหาที่คุณยายขายผัดไทยประสบนั้น จะเห็นได้ว่าหน่วยงานภาครัฐยังขาดแนวทางในการดำเนินการหรือมองหามุมมองดำเนินการแก้ไขปัญหาที่รอบด้าน นอกกรอบที่เคยปฏิบัติ ไม่สามารถหาช่องทางในการให้ความช่วยเหลือโดยมองไปที่กุญแจสำคัญของปัญหาและไม่สามารถตัดสินใจแก้ไขปัญหาในระดับหน่วยงานย่อยระดับพื้นที่ได้ รูปธรรมเช่น การหาช่องทางและพยายามสร้างช่องทางในการให้ความช่วยเหลืออย่างเช่นการทำงานของทีมผู้ป่วยข้างถนน ในการสังเกตเห็นคุณยายมีอาการจิตเวชอย่างแน่ชัด ด้วยหลักการทำงานเพื่อค้นหากุญแจสำคัญที่จะทำให้เกิดความช่วยเหลือได้จริงจัง จึงมั่นใจที่จะใช้ พ.ร.บ.สุขภาพจิตในการดำเนินการ ประสานงานให้ความช่วยเหลือเพื่อให้คุณยายหรือผู้ประสบปัญหาได้หลุดจากเงื่อนไขที่ยังคงสร้างปัญหาได้
4. การส่งต่อเชื่อมโยงกันของกลไกภาครัฐทั้งส่งต่อกันประสานกันในระดับย่อยจนถึงการส่งอย่างเป็นระบบไปถึงหน่วยงานส่วนกลางยังขาดการทำงานเชื่อมโยงในตัวระบบเองอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งพบการทำงานใครทำงานมันของหน่วยงานอยู่พอสมควรในการจัดการปัญหา ทั้ง ๆ ที่ควรจัดการแก้ไขปัญหาหรือป้องปรามการลุกลามของปัญหาได้ในระดับพื้นที่ด้วยซ้ำในบางประเด็นปัญหา
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ 2 หน่วยงานหลักที่ร่วมให้ความช่วยเหลือคุณยาย
1. ตำรวจจากสถานีตำรวจดุสิต
2. อาสาสมัครกู้ภัยจากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มา ณ ที่นี้ด้วยครับ
โครงการผู้ป่วยข้างถนน มูลนิธิกระจกเงา 1 ตุลาคม 2557 วันผู้สูงอายุสากล"