เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 29 กันยายน ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)
ได้มีการประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) โดยมติเสียงข้างมาก 3 ต่อ 2 เห็นว่าช่อง 3 อนาล็อก ออกคู่ขนานในระบบดิจิตอลได้ โดยกสท.เสียงข้างมาก ได้แก่ น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ นายธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ และพล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ ขณะที่ พ.อ.นที ศุกลรัตน์ และ พ.ต.อ.ทวีศักดิ์ งามสง่า ซึ่งเป็นกรรมการเสียงข้างน้อย ได้ขอสงวนความเห็นและมีความเห็นแย้ง
โดยภายหลังการประชุม พล.ท.พีระพงษ์ เปิดเผยว่า กสท.มีมติ 3 ต่อ 2 เสียง
เห็นว่า การที่บริษัท บีอีซี-มัลติมีเดีย จำกัด ซึ่งเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจกรรมในระบบทีวีดิจิตอล ประสงค์จำนำรายการโทรทัศน์ของ บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด ผู้ได้รับสัมปทานสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ระบบอนาล็อก มาออกอากาศทางช่องรายการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอลของบีอีซี-มิลติมีเดีย เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านโทรทัศน์ไปสู่ระบบดิจิตอล ดังนั้นเมื่อบริษัท บีอีซี-มัลติมีเดีย จำกัด ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขการอนุญาตให้บริการโทรทัศน์ระบบดิจิตอล ประเภทบริการทางธุรกิจระดับชาติถูกต้องครบถ้วนแล้ว ย่อมไม่ถือว่า บริษัท บีอีซี-มัลติมีเดีย จำกัด ไม่ได้ประกอบกิจการด้วยตัวเอง จึงมอบหมายให้สำนักงาน กสทช. มีหนังสือแจ้งบริษัท บีอีซี-มัลติมีเดีย จำกัด ให้ดำเนินการยื่นผังรายการที่จะออกอากาศ เพื่อให้คณะกรรมการดำเนินการพิจารณาให้เป็นไปตามกฎหมาย และเงื่อนไขที่ได้รับอนุญาต
ทั้งนี้ การนำเสนอผังรายการของบริษัทบีอีซี-มัลติมีเดีย จำกัด ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขแนบท้ายใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ และประกอบกิจการโทรทัศน์ เพื่อให้บริการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล ประเภทบริการทางธุรกิจระดับชาติ
นายธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ กสท.กล่าวว่า หลังบอร์ด กสท.มีมติให้ช่อง 3 ส่งหนังสือยืนยันเรื่องความรับผิดชอบและผังรายการเมื่อวันที่ 29 ก.ย.
ในขั้นตอนต่อไปคือการที่ช่อง 3 ยื่นหนังสือดังกล่าวมายังบอร์ด กสท.ซึ่งมีเวลาจนถึงวันที่ 11 ต.ค.ในเวลา 16.00 น. ตามที่ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งทุเลาผลกระทบทางปกครองของบอร์ด กสท. ที่ให้ผู้ประกอบการโครงข่ายโทรทัศน์ทีวีดาวเทียม และเคเบิลทีวี นำช่อง 3 ออกจากการให้บริการบนโครงข่าย ซึ่งหากช่อง 3 ส่งหนังสือดังกล่าวมาให้ กสท. ก็จะพิจารณาให้ทันที แต่ในทางกลับกัน หากไม่ยอมรับข้อเสนอของบอร์ด กสท.ครั้งนี้ อาจจะไม่ได้ออกอากาศบนทีวีดาวเทียมและเคเบิ้ลทีวี ภายหลังเวลา 16.00 น. ของวันที่ 11 ตุลาคม และจากนี้ไป กสท. จะไม่เปิดโต๊ะเจรจากันอย่างเป็นทางการกับตัวแทนผู้บริหารช่อง 3 แต่จะแจ้งให้ช่อง 3 รับทราบมติแทน เนื่องจากเชื่อว่าช่อง 3 เข้าใจทุกกระบวนการดังกล่าวดีแล้ว
ด้าน พ.อ.นที ศุกลรัตน์ ประธานบอร์ด กสท.ในฐานะเสียงข้างน้อยกล่าว เห็นว่าบริษัทบีอีซี-มัลติมีเดีย และบริษัทบางกอก เอ็นเตอร์เทนเม้นต์
แม้อยูในเครือเดียวกัน และผู้บริหารชุดเดียวกัน ก็ไม่ได้ ทำให้ทั้ง 2 บริษัท เป็นบริษัทเดียวกัน และ ตาม มาตรา 43 ใน พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมและมาตรา 9 พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ที่กำหนดให้ใบอนุญาตเป็นสิทธิเฉพาะตัว โอนแก่กันมิได้ เพราะกลัวว่าในอนาคต หากมีการประมูลคลื่นความถี่ อาจมีการตั้งตัวเป็นโบรกเกอร์ มาประมูลแล้วให้รายอื่นดำเนินการ
“แม้มติของ กสท.ออกมา 3 ต่อ 2 แต่ความเห็นบอร์ด กสท.ทั้ง 5 คนคือต้องการให้ช่อง 3 ออกคู่ขนานในระบบดิจิตอล เพียงแต่มีความเห็นแย้งกันในข้อกฎหมายเท่านั้น หากว่าฝืนจะมีความผิด ตามมาตรา67 ของพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551”