เมื่อเวลา 05.15 น. วันที่ 25 กันยายน นางพรพิมล ฤาโอภาส อายุ 60 ปี แม่สู้ชีวิตที่นำลูกสาวพิการทางสมองอายุ 22 ปี
ใส่รถเข็นเดินเท้าจาก จังหวัดอุดรธานี เพื่อจะไปหาญาติที่ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เพราะสามีตายและญาติพี่น้องสามีไม่ยอมให้อาศัยอยู่ด้วย ได้เดินทางจากจังหวัดอุดรธานี ด้วยขบวนรถไฟสาย หนองคาย- กรุงเทพฯ มาถึงสถานีรถไฟดอนเมือง
หลังก่อนหน้านี้นางพรพิมล ตั้งใจว่าจะขึ้นรถไฟฟรี และนำรถเข็นขึ้นรถไฟไปด้วย
แต่เจ้าหน้าที่รถไฟบอกว่ารถเข็นมีความยาวมากไป รับขึ้นรถไฟไม่ได้ จึงตัดสินใจนำลูกใส่รถเข็นและเข็นไปตามท้องถนน ในเส้นทาง ถนนมิตรภาพ อุดรธานี-ขอนแก่น มุ่งหน้าจากอุดรธานี ตั้งแต่เมื่อวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา ต่อมาเจ้าหน้าที่รถไฟยอมให้ขึ้น และมีประชาชนระหว่างทางช่วยเหลือค่าใช้จ่าย
อย่างไรก็ตาม เมื่อนางพรพิมล พร้อมบุตรสาวมาถึงสถานีรถไฟดอนเมือง มีเจ้าหน้าที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รับไปดูแลพร้อมประสานญาติที่อำเภอปากเกร็ด ให้ แต่ระหว่างนั้นมี สื่อโทรทัศน์ช่อง หนึ่ง พยายามพาตัวยายและบุตรสาวขึ้นรถไปออกรายการ
โดยอ้างว่ามีการเตรียมการในเรื่องที่พักไว้ให้แล้ว แต่เจ้าหน้าที่กระทรวงไม่ยินยอม เพราะไม่ได้มีการประสานมาก่อน
จึงเกิดการยื้อแย่งตัวนางพรพิมล และบุตรสาว ต่อมาเจ้าหน้าที่กระทรวง ประสานตำรวจรถไฟ ให้ช่วยดูแล และนำตัวนางพรพิมลและบุตรสาว ขึ้นรถไปอยู่ในความดูแลของกระทรวงทันที
สำหรับนางพรพิมลได้เข็นรถพาบุตรสาวพิการ เดินเท้าจากจังหวัดอุดรธานีมาหาลูกพี่ชาย 2 คน ที่อาศัยในจังหวัดนนทบุรี ระยะทางถึง 572 กิโลเมตร
เพราะกลัวลูกสาวอดตาย เนื่องจากญาติสามีไม่ยอมให้อาศัยอยู่ด้วย ซึ่งนางพรพิมลระบุว่า ยังไม่รู้ว่าจะพบญาติหรือไม่ เพราะไม่ได้ติดต่อกันมานานถึงเกือบ 20 ปี แต่ถ้าไม่พบก็จะทำมาหากินเอง โดยนำเงินไปซื้อของเล่นแถวสำเพ็งไปขายตามหน้าโรงเรียน และไม่ต้องการให้ลูกสาวไปอยู่บ้านพัก หรือสถานสงเคราะห์ของหน่วยงานไหน เพราะไม่มีอิสระภาพ และไม่อยากแยกกับบุตรสาว