นายทวี ธีระสุนทรวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย ระบุว่า การถูกสกิมมิงหรือการคัดลอกข้อมูลจากบัตรเอทีเอ็มลูกค้าธนาคารเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทั่วโลก ส่วนใหญ่จะเป็นแก๊งมิจฉาชีพจากยุโรปและเอเชียตะวันออก ซึ่งจะเชี่ยวชาญด้านนี้ และกลุ่มคนพวกนี้จะพัฒนาวิธีการไปเรื่อยๆ ธนาคารมีหน้าที่ติดตามให้ทันเทคโนโลยีที่แก๊งมิจฉาชีพพัฒนาทุกรูปแบบ แต่ในแง่ของลูกค้าทุกธนาคารดูแลและชดใช้ให้หมดอยู่แล้ว
รองกรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทยกล่าวอีกว่า ตามปกติแล้วธนาคารจะมีพนักงานตรวจสอบการใช้งานของเครื่องทุกๆ 1-2 วัน
ทั้งการตรวจเครื่องว่ามีวัตถุแปลกปลอมมาติดตั้งเพิ่มเติมจากอุปกรณ์ของธนาคารหรือไม่ เติมเงินสดในเครื่องและทำความสะอาดเครื่อง กรณีลูกค้าที่ใช้บริการรู้สึกว่าเครื่องผิดปกติสามารถแจ้งมายังธนาคาร สิ่งที่สำคัญคือแก๊งมิจฉาชีพถ้าจะขโมยเงินจากบัตรได้จะต้องมีข้อมูลครบ 2 ส่วนคือ รหัสบัตรเอทีเอ็มและข้อมูลในบัตรเอทีเอ็ม
นายทวีกล่าวอีกว่า ยังมีอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยป้องกันได้
คือการใช้บัตรเอทีเอ็มฝังชิพการ์ดเพิ่มเติมจากแถบแม่เหล็กที่มีอยู่แล้วก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยป้องกันได้ เพราะจนถึงขณะนี้ยังไม่พบว่าแก๊งมิจฉาชีพสามารถขโมยข้อมูลจากบัตรเอทีเอ็มที่ฝังชิพการ์ดได้ ซึ่งอีก 2 ปีธนาคารแห่งประเทศไทยและธนาคารสมาชิกอาจจะนำระบบนี้มาใช้ในบัตรเอทีเอ็ม แต่ต้นทุนของบัตรก็ต้องเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งธนาคารต้องหารือกับบริษัทที่ผลิตเครื่องเอทีเอ็มในเรื่องนี้เช่นกัน
ธนาคารเล็งฝังชิพเอทีเอ็ม แก้ปัญหาสกิมมิง
รองกรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทยระบุว่า การใช้เอทีเอ็มที่ฝังชิพไว้ในบัตร อาจช่วยไม่ให้ถูกขโมยข้อมูลไปได้
ผู้สื่อข่าว : ทีมข่าวสปริงนิวส์
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!