ร้องโรงพยาบาล ให้เลือด-ผิดกรุ๊ป

"ร้อง รพ.ชุ่ย ให้เลือดผิด กรุ๊ป ทำเมียเป็นเจ้าหญิงนิทรา"



เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 10 พ.ค. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ห้อง บี 340 ชั้น 3 โรงพยาบาลกรุงธน 1

หลังได้รับการติดต่อร้องทุกข์จากนายเจริญ วัฒนา

อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7/35 หมู่ 2 แขวงจอมทอง เขตจอมทอง กทม. เจ้าของโรงงานปัดเงาโลหะ ย่านจอมทองว่า เมื่อวันที่ 29 เม.ย. ที่ผ่านมา นางบุญธรรม วิลานันต์ อายุ 40 ปี

ภรรยาไปคลอดบุตรที่โรงพยาบาลกรุงธน 1

มี พญ.ศรีสุกัญญา ธีรศาสตร์ เป็นเจ้าของไข้ ทำคลอดด้วยการผ่าตัดได้บุตรเป็นชายร่างกายแข็งแรง น้ำหนัก 2,940 กรัม ส่วนนางบุญธรรมผู้เป็นแม่ ก็ปลอดภัย จากนั้นจึงย้ายออกจากห้องผ่าตัด

มาพักรักษาตัวที่ห้องเลขที่ บี 340

แต่พอถึงช่วงบ่ายวันเดียวกันนางบุญธรรมกลับมีอาการอ่อนเพลีย อาเจียน โดยมีเลือดไหลออกจากช่องคลอด จึงรีบแจ้งให้พยาบาลทราบ

นายเจริญเล่าให้ฟังต่อว่า ทราบจากพยาบาลว่า

ภรรยาตนมีอาการปากมดลูกไม่ปิดจึงนำถุงเลือดมาให้ แต่หลังให้เลือดไม่ถึง 5 นาที นางบุญธรรมกลับมีอาการคันบนใบหน้า และอาเจียนออกมาอีกครั้ง คราวนี้ถึงขั้นหมดสติ แพทย์รีบนำเข้าห้องไอซียู

โดยตนได้ถามกับคณะแพทย์ว่าภรรยาตนเป็นอะไร

แต่ไม่ได้รับคำตอบ จึงโมโหและต่อว่าไปว่าสาเหตุน่าจะเกิดจากการให้เลือดของพยาบาล เพราะสังเกตเห็นบริเวณข้างถุงเลือดเขียนว่ากรุ๊ปเอ แต่ นางบุญธรรมภรรยาตนมีเลือดเป็นกรุ๊ปบี เมื่อได้ฟังดังนั้น คณะแพทย์จึงเข้าไปเปลี่ยนวิธีการรักษาใหม่อีกครั้ง



จากนั้นมีประธานของโรงพยาบาลไม่ทราบชื่อ

เข้ามาพูดคุยกับตนพร้อมออกปากขอโทษ ยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดของโรงพยาบาล โดยจะให้การช่วยเหลือในค่ารักษาพยาบาลอย่างดีที่สุด แต่ถึงทุกวันนี้อาการของนางบุญธรรมยังไม่ดีขึ้น

กลายเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่ในห้องไอซียู

จึงมานั่งคิดว่าหากอาการภรรยาเป็นเช่นนี้เรื่อยๆจะมีผลกระทบต่อครอบครัว รวมถึงลูกที่เกิดมาด้วย จึงร่างหนังสือเพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องของโรงพยาบาลได้รับผิดชอบ แยกเป็น 4 ข้อ คือ

โรงพยาบาลจะต้องดูแล จ่ายค่าปลงศพ

รวมถึงค่าใช้จ่ายจำเป็นอื่นๆอีก กรณีที่นางบุญธรรมเสียชีวิต หากไม่เสียชีวิตในทันที และต้องรักษาพยาบาลต่อไป ทางโรงพยาบาลต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายจนกว่าจะหายเป็นปกติ

นายเจริญกล่าวถึงรายละเอียดในหนังสืออีกว่า

เนื่องจากนางบุญธรรมเป็นเจ้าของธุรกิจโรงปัดเงา อลูมิเนียม มีรายได้ประมาณเดือนละ 3 แสนบาท แต่ขณะที่ต้องเข้ารักษาพยาบาล อันมีสาเหตุมาจากความประมาท ทำให้ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติ

ขอให้โรงพยาบาลชดใช้ค่าสินไหมทดแทน

กรณีทำให้ขาดประโยชน์ทำมาหากิน เดือนละ 3 แสนบาทจนกว่าจะหายเป็นปกติ และเนื่องจากหากนางบุญธรรมมีชีวิตอยู่จะเป็นผู้เลี้ยงดูบุตร ดังนั้น หากนางบุญธรรมเสียชีวิตให้โรงพยาบาลจ่ายค่าอุปถัมถ์เลี้ยงดูบุตร

จนกว่าจะบรรลุนิติภาวะ

จากนั้นได้นำร่างหนังสือมอบให้กับประธานโรงพยาบาล เมื่อเย็นวันที่ 9 พ.ค. แต่กลับแจ้งว่าไม่สามารถเซ็นได้ เพราะถ้าจะให้เซ็นน่าจะเป็นคำสั่งของศาลมากกว่า ตนกลัวว่าไม่มีใครรับผิดชอบ จึงร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากสื่อมวลชนให้โรงพยาบาลเซ็นชื่อรับผิดชอบในหนังสือดังกล่าวด้วย




ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์